พาราสาวะถี

ได้ลุ้นกันเฉพาะผู้สมัครของแต่ละจังหวัดเท่านั้นสำหรับการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตวันแรกเมื่อวาน ต่อกรณีหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร


ได้ลุ้นกันเฉพาะผู้สมัครของแต่ละจังหวัดเท่านั้นสำหรับการเปิดรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตวันแรกเมื่อวาน ต่อกรณีหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร เพราะการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแต่ไม่ให้ผู้สมัครกับพรรคใช้เบอร์เดียวกัน มันจึงไม่มีอะไรให้ต้องติดตามกัน ประกอบกับการพิมพ์บัตรโหลที่มีแต่ช่องกากบาทกับหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ไม่มีชื่อผู้สมัครหรือพรรคการเมืองของกกต. มันเลยทำให้ทุกอย่างถูกจับตามองเป็นพิเศษ และการสื่อสารแบบทางเดียวของกกต.ยุคดิจิตอลแต่ทำตัวอนาล็อกก็คือ สิ่งที่ทำเคยทำมาก่อนแล้วในอดีต เป็นไปตามรัฐธรรมนูญจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดแผกอะไร

เมื่อคนทั่วไปเข้าใจกันอยู่แล้วว่าที่มาของกกต.ชุดนี้เป็นอย่างไร จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก จากที่เคยเป็นข้อผิดพลาดคราวเลือกตั้งปี 2562 หนนี้ก็หวังว่าจะดีขึ้น แต่จะชนิดหน้ามือเป็นหลังมือคงยาก เห็นพฤติกรรมจากหลาย ๆ เรื่องทั้งการยืนกระต่ายขาเดียวเรื่องเอาคนต่างด้าวมาคำนวณแบ่งเขตส.ส. จนถูกท้วงติงหนักสุดท้ายต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และบทสรุปก็อย่างที่เห็นสิ่งที่เคยทำมาแล้วในอดีตไม่ใช่เรื่องถูกต้องตามกล่าวอ้าง ดีที่ว่าศาลช่วยชี้ให้ชัดว่าไม่ผูกพันไปถึงการเลือกตั้งครั้งก่อน มิเช่นนั้น ยุ่งกันตายห่า

มาถึงการเลือกตั้งหนนี้ ต้องจับตาดูจนถึงวินาทีสุดท้ายจะได้เห็นฤทธิ์เดชจากคณะบริหารจัดการเลือกตั้งชุดนี้ออกมาแบบไหน จะได้รับเสียงสรรเสริญหรือด่ากันขรมเหมือนที่ผ่านมา ส่วนการเปิดรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต อย่างที่เห็นในพื้นที่กทม.คนเลือกตั้งต้องสังเกตกันให้ดี พื้นที่ของตัวเองถูกจัดให้อยู่ในเขตเลือกตั้งไหน จะได้ไม่หลงไปเลือกผู้สมัครพรรคอื่นที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจเลือก แค่นึกถึงภาพป้ายหาเสียงที่พรรคเดียวกันคนละเบอร์ก็ปวดหัวแย่แล้ว

ลุ้นกันวันนี้ กับการยื่นรายชื่อส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์ เพราะตรงนี้แต่ละพรรคอยากจะได้เลขตัวเดียวกันทั้งนั้น ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นแค่ความเชื่อที่คิดว่าช่วยทำให้ประชาชนจำง่าย ทั้งที่ความจริงไม่ว่าจะหมายเลขอะไร เมื่อคนตั้งใจจะเลือกแล้วย่อมกาไม่ผิด ไม่ต้องห่วงนักเลือกตั้งระบบบริหารจัดการ หัวคะแนน คนทำงานในพื้นที่ละเอียดกันทุกเม็ด ทุกดอก ที่น่าห่วงควรจะเป็นเรื่องการนับคะแนน รายงานผลคะแนนกันมากกว่า

อย่างที่บอกกกต.ยุคดิจิตอลแต่ทำตัวอนาล็อก อ้างสารพัดปัจจัยไม่มีระบบรายงานผลแบบเรียลไทม์ มันก็ทำให้คนสงสัยกันแล้วว่า ทำไมถึงไม่ดำเนินการเพื่อแสดงถึงความโปร่งใส จะอ้างว่ากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทำงานกันหลายสิบชั่วโมง หากต้องมากรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบรายงานผลแบบไม่เป็นทางการอีก เกรงว่าจะทำให้เกิดความสับสน มีข้อผิดพลาดเมื่อครั้งที่ผ่านมา แทนที่จะทำตัวให้ประชาชนเห็นใจ ยิ่งทำให้คนไม่ไว้วางใจหนักเข้าไปอีก

ไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อต้นทุนความน่าเชื่อถือมันหดหายจากผลงานที่ผ่านมา ไม่ว่าจะชี้แจงอย่างไรมันก็ยากที่คนจะเชื่อ ยิ่งเลือกที่จะสื่อสารทางเดียว ไม่ยอมตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวมันก็ยิ่งทำให้คนเคลือบแคลง อะไรที่ลับๆล่อๆ มันส่อให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส จะอุ้มชูผู้มีพระคุณกันอย่างไร ควรให้เป็นไปตามผลแห่งการกระทำดีกว่า ถ้าเชื่อมั่นว่าทำดีมากว่า 8 ปี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ก็ไม่ต้องหวังที่จะใช้ไสยศาสตร์ เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ เพื่อเอาชนะคู่แข่ง ยังไงประชาชนก็เลือก

ชี้แจงอีกกระทอกกับเหตุผลไม่ลงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ โดยผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอ้างถึงความเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะอยู่ได้อีก 2 ปี จึงต้องให้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 แทนเพื่อที่จะได้ทำงานต่อเนื่อง ซึ่งใครที่ได้ฟังคงจะงงเป็นไก่ตาแตก มันคนละเรื่องเดียวกันหรือเปล่า การเป็นส.ส.กับผู้นำประเทศนั้นคนละบริบทกัน ถ้าไม่มีความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกฯไม่มีกำหนดระยะเวลาของการอยู่ในอำนาจ การวางพีระพันธุ์เป็นแคนดิเดตนายกฯอีกคนของพรรคนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

หากรวมไทยสร้างชาติได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจริง หรือไปจับมือกันแบบเดิมแล้วเล่นแร่แปรธาตุจนทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้อยู่ยาวสมใจ เมื่อไม่แก้ไขเงื่อนเวลาเป็นนายกฯไม่เกิน 8 ปี สองปีหลังตำแหน่งผู้นำก็ต้องเลือกกันใหม่ พีระพันธุ์ก็จะได้รับสิทธิในการเสนอชื่อฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรค ไม่เกี่ยวกับความเป็นผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 แต่อย่างใด ดังนั้น จึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่อยากไปทำหน้าที่ส.ส.ในช่วงสองปีหลัง ไม่อยากเกลือกกลั้วกับนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวในสภา

ประการสำคัญคือ มองไปถึงผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น หากพรรคของตัวเองไม่ได้เป็นรัฐบาล อดีตผู้นำเผด็จการคสช. อดีตนายกฯที่เคยมีอำนาจล้นฟ้า จะไปนั่งจมจ่อมเป็นส.ส.ฝ่ายค้านในสภาให้เสื่อมเกียรติเสียศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ แต่ก็จะมีข้ออ้างได้ว่าแคนดิเดตนายกฯพรรคอื่นโดยเฉพาะเพื่อไทย ทั้ง แพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่เห็นสมัครเป็นส.ส.เหมือนกัน แบบนี้ก็คงเถียงลำบาก ต้องย้อนกลับไปยังรัฐธรรมนูญฉบับอยู่ยาวที่ไม่ยอมเขียนบังคับไว้ว่าคนที่จะเป็นนายกฯต้องเป็นส.ส.ด้วยเพื่อความสง่างาม

ไม่ว่าน้องเล็กจะแสดงละครทางการเมืองในรูปแบบใด ดูเหมือนว่า พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่ได้ใส่ใจสนใจอยู่แล้ว ยังคงถือธงก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมประกาศตัวลงสมัครส.ส. ขอเป็นนายกฯที่มาจากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง เหมือนเป็นการตบหน้าน้องเล็กไปในตัว แต่เหนืออื่นใด ประเด็นนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการจับมือกันเตรียมตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่ค่อนข้างจะยืนยันแล้วว่าพี่ใหญ่จะไม่กระเต็งน้องเล็กให้อยู่ในอำนาจอีกต่อไป

กลเกมการเมือง หนทางหลังเลือกตั้งยังอีกยาวไกล แม้ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นกลางเดือนหน้านี้แล้วก็ตาม มีเวลาที่กระบวนการต่อรองจะขยับกันได้อีกมาก แต่เท่าที่ได้ยินได้ฟังมา ฝ่ายเดินเกมจัดขั้วการเมืองใหม่นั้น ค่อนข้างที่จะชัดเจนแล้วว่า ถ้าต้องการให้ประเทศเดินหน้า ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจริง ต้องไม่หวนกลับไปที่เดิม ไม่ใช่แบบเดิมเหมือนที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพล่ามอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่เหมือนเดิมคือ ต้องเขี่ยเผด็จการสืบทอดอำนาจและเครือข่ายไปให้พ้นอำนาจการบริหารและครอบงำประเทศให้ได้

Back to top button