ขายก่อน..สบายใจก่อน
ช่วงนี้ดัชนีจะแกว่งตัวผันผวนอย่างไร..ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต้องการลดความเสี่ยงก่อนจะถึงช่วงวันหยุดฟันหลอ และวันหยุดยาว
ช่วงนี้ดัชนีจะแกว่งตัวผันผวนอย่างไร..ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต้องการลดความเสี่ยงก่อนจะถึงช่วงวันหยุดฟันหลอ และช่วงวันหยุดยาว จึงหาโอกาสรินหุ้นออกมาเป็นระลอก และทำให้แนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุดถูกทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งในบางครั้งก็ประคองตัวยืนได้ แต่ในบางครั้งก็ไม่อาจต้านทานได้ เลยกลายเป็นภาพที่สร้างความอึดอัดใจให้กับนักลงทุนพะย่ะค่ะ
ถามว่า ภาพแบบนี้จะอยู่กับตลาดหุ้นไทยไปอีกนานไหม? เดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า น่าจะอยู่กับตลาดหุ้นไทยไปอีกนาน! เพราะนักลงทุนรายใหญ่ รายกลาง และรายเล็ก ต่างทยอยวางมือเป็นการชั่วคราว พร้อมกับพุ่งเป้าไปที่เรื่องเที่ยวในช่วงเทศกาลกันเป็นแถวแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการทยอยสะสมหุ้น เพื่อขายทำกำไรระยะสั้น เมื่อบรรดาขาเทรดกลับมาลุยเต็มตัวในช่วงกลางเดือนนะจ๊ะ
ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 1,594.05 จุด ลบไป 6.32 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.16 หมื่นล้านบาท ก็แสดงให้เห็นภาพของนักลงทุนบางกลุ่มกำลังซุ่มเก็บหุ้นเมื่อย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ หลังประเมินภาพของตลาดหุ้นหลังจากนี้ยังมีแก๊ปให้ไปต่อแบบเนียน ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่นักลงทุนต้องเลือกเอาเองว่า “ขายก่อนไหม?” หรือจะเลือกแนวทาง “เก็บของถูก?” ก็ต้องตัดสินใจกันเอาเองนะออเจ้า
เช่นเดียวกับแรงขายที่สาดใส่หุ้นกระดาษลังอย่าง SCGP แบบไม่หยุดหย่อน ล้วนมาจากความกังวลที่มีต่อผลงานในไตรมาส 1 กันทั้งนั้น!..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนเชื้อเพลิง ตัวเลขส่งออกที่ติดลบ มันเป็นประเด็นที่ต้องพิสูจน์กันด้วยกำไรจะออกมาดีขนาดไหน? แต่ดูเหมือนว่า ตลาดหุ้นจะเทน้ำหนักไปในทางแย่เสียมากกว่า วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 45.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 366 ล้านบาทไงล่ะคะ
คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นปลากระป๋อง TU ก็เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดความกังวลที่มีต่อผลงานปี 66 อาจพลาดเป้าไปค่อนข้างเยอะ บรรดาเฟิร์มใหญ่ ๆ ถึงออกบทวิเคราะห์ในทำนองดาวน์เกรดกันเป็นแถว และนำไปสู่แรงขายที่ทยอยออกมาแบบไม่หยุดหย่อน จนวานนี้ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 13.60 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 414 ล้านบาทแบบนี้..พี่ช้างต้องออกมาพูดอะไรบ้างแล้วนะจ๊ะ
ส่วนรายที่พยายามชี้ให้เห็นแผนการเติบโตยังดำเนินต่อไป โดยที่ราคาหุ้นตอบรับบ้าง..ไม่ตอบรับบ้าง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BGRIM เพื่อชี้ให้เห็นการทิ้งตัวลงแรง 2 วันแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่มีซัมติ้งบางอย่างแน่นอน แต่ทุกครั้งหุ้นก็ผ่านไปด้วยดี เดี๊ยนถึงอยากถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 38.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 706 ล้านบาท เหมาะต่อการทยอยเก็บหรือยังเจ้าคะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงเรื่องของเหมืองโปแตชตัวแรงอย่างหุ้น TRC ขึ้นมาทันที! เพราะเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องตามดูกันไปเรื่อย ๆ หลังประเด็นการใส่เงินเพื่อทำให้ทุกอย่างเดินหน้า ก็ต้องใช้เวลาอีกระยหนึ่ง และกว่าจะเดินเครื่องอย่างเป็นทางการ ก็ต้องใช้เวลาอีกเช่นกัน เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นโรยตัวจากระดับ 0.90 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 0.54 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11 ล้านบาท เพราะตลาดหุ้นต้องการเห็นอะไรที่เป็น “รูปธรรม” มากกว่า “นามธรรม”..อิอิอิ
สำหรับรายที่เริ่มกลับตัวทั้งที่มีปัญหายังคาราคาซัง และเป็นเรื่องที่ท้าทายนักเล่นสุด ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นรถไฟฟ้ามาหานะเธอ BTS เพราะการขยับก้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.20 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 376 ล้านบาท มันก่อให้เกิดคำถามขึ้นมาในใจทันทีว่า เที่ยวนี้จะเล่นกันยาวแค่ไหน? เพราะเมื่อถ่วงน้ำหนัก “ข่าวดี” กับ “ข่าวร้าย” มันทำให้เดี๊ยนหวั่นใจว่า ข่าวร้ายจะตามหลอนไม่เลิก..ไม่เชื่อลองถาม เฮีย ค. ดูสิ!
ตบท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่ DEXON กันสักหน่อย เพราะการไหลลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายหลุดไอพีโอลงไปหน้าตาเฉย ทั้งที่ปีนี้มีของดีที่จะเอาโชว์อีกเพียบ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นโอกาสของการทยอยสะสม เพราะเมื่อดูจากโปรไฟล์ที่บอกให้รู้ว่า โรงกลั่น โรงแก๊ส โรงปิโตร ล้วนเป็นลูกค้าที่ใช้บริการบริษัทนี้ รวมถึงมีบริษัทลูกที่ให้บริการในต่างประเทศ มันทำให้เชื่อว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 4.22 บาท ลบไป 0.22 บาท หรือลงไป 4.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 276 ล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสของการลงทุน เพราะปีนี้งานน่าจะเข้ามาดีเจ้าค่ะ