BCH บวกต่อ 2% โบรกแนะซื้อเป้า 23.80 บ. รับประกันสังคม อัพอัตราเหมาจ่าย 8-10%
BCH บวกต่อ 2% รับเต็มประกันสังคมจ่อปรับเพิ่มเหมาจ่ายรายหัวประกันสังคม 8-10% จากเดิม 1,640 บาทต่อราย คาดมีผลเม.ย.นี้ หลังโชว์ฐานผู้ป่วยประกันสังคมอันดับ 1 ของไทยมากกว่า 1.05 ล้านราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 เม.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ณ เวลา 10:22 น. อยู่ที่ระดับ 21.40บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.39% ราคาสูงสุด 21.50บาท ราคาต่ำสุด 20.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 104.40 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลแนะนำ BCH ราคาพื้นฐาน 23.8 บาท คาดมีปัจจัยบวกหนุนจากในเดือน เม.ย. คาดการปรับอัตราค่าบริการเหมาจ่าย SSO จะถูกปรับขึ้น 8-10%
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” เก็งกำไรหุ้น BCH กำหนดมูลค่าพื้นฐานหุ้นปี 2566 อยู่ที่ 22.80 บาท มีอัพไซด์ (upside) 15.5% โดยจะได้รับเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 65 อีกหุ้นละ 0.40 บาท ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 9 พ.ค. 2566 และจ่ายปันผลวันที่ 19 พ.ค. 2566 นอกจากนี้ยังรอลุ้นข่าวดีอัตราค่าเหมาจ่ายรายหัวประกันสังคมมีโอกาสปรับขึ้นสูง
โดยเดือน มี.ค. 2566 คณะกรรมการของสำนักงานประกันสังคมกำลังพิจารณาการทบทวนการปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายหัวของโครงการประกันสังคมจากเดิมอยู่ที่ 1,640 บาทต่อหัว หลังจากไม่ได้มีการปรับขึ้นเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือน มี.ค. 2566 และคาดจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 66 เป็นต้นไป จากการประเมินเบื้องต้นจะปรับขึ้นราว 8-10% และปัจจุบัน BCH มีผู้ประกันตนราว 1 ล้านราย จากโควตาที่ได้รับทั้งหมด 1.5 ล้านราย หากมีการปรับขึ้นจริงจะส่งผลให้ BCH มีรายได้เพิ่มหัวละ 98 บาท หรือเพิ่มรายได้ราว 100 ล้านบาท ในปี 2566 และช่วยให้มีกำไรเพิ่มเติมในปี 2566 ราว 80 ล้านบาท
นอกจากนี้ โรงพยาบาลใหม่ที่เปิดใหม่ 3 แห่ง คือ เกษมราษฎร์อินเตอร์ฯ อรัญประเทศ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี ที่เริ่มมีกำไรบ้างแล้ว และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ที่มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อาจเผชิญผลขาดทุน หลังรายได้ที่เกี่ยวกับโควิด-19 หายไป และรายได้ผู้ป่วยปกติเติบโตต่ำกว่าคาด อีกทั้งโรงพยาบาลที่เวียงจันทน์ยังมีความเสี่ยงด้านขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากผลกระทบเงินเฟ้อในลาวที่เพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตามประเมินว่าผลการดำเนินงานของ BCH ในปี 2566 จะมีกำไรสุทธิ 1,719 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 3,039 ล้านบาท และมีรายได้จากการให้บริการ 12,272 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่มีรายได้จากการให้บริการ 18,827 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCH ให้ราคาเป้าหมาย 23.60 บาทต่อหุ้น เนื่องจากรายได้กลุ่ม Non-COVID คาดว่าจะกลับมาสู่สภาวะปกติ และคนไข้ต่างชาติเริ่มกลับมารับบริการเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่าย และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ ส่งผลให้รายได้และกำไรจะมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ BCH มีอัพไซด์จากคาดสำนักงานประกันสังคมมีการปรับอัตราการเบิกจ่ายแบบ Fixed Capitation ขึ้น 8-10% จาก 1,640 บาทต่อราย ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้กลุ่มประกันสังคม ขณะที่การรักษากลับสู่ปกติ โดยจะนับ COVID-19 เป็นการรักษาทั่วไป และการเพิ่มขึ้นของคนไข้ต่างชาติที่สามารถปรับเพิ่มจากกลุ่มตลาดใหม่ รวมถึงการยกระดับการรักษาโรคซับซ้อนที่หนุนรายได้ต่อบิลให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดรายได้และกำไรปี 2566 ปรับตัวลดลงตามสัดส่วนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 และคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 ใกล้เคียงไตรมาส 4/65 แต่อ่อนตัวลงจากช่วงเดียวกันของปี 65 จากฐานที่สูงตามสัดส่วนรายได้จาก COVID-19 โดยประเมินงบปี 66 จะมีกำไรสุทธิ 2,021 ล้านบาท จากปี 65 มีกำไรสุทธิ 3,039 ล้านบาท และคาดจะมีรายได้จากการให้บริการ 14,061 ล้านบาท จากปี 65 ที่มีรายได้จากการให้บริการ 18,895 ล้านบาท