พาราสาวะถี
เหลือเวลาไม่ถึง 1 เดือนการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้น ทางการเมืองสำหรับพรรคและนักการเมืองต้องบอกว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว
เหลือเวลาไม่ถึง 1 เดือนการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้น ทางการเมืองสำหรับพรรคและนักการเมืองต้องบอกว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว ผู้ที่อยู่ในอำนาจรักษาการปัจจุบัน ทั้งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและขบวนการอยากอยู่ยาว พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะเรียกคะแนนนิยมให้กลับคืนมา พลิกตำรากันหลายตลบ แต่ไม่พบช่องที่จะทำให้เสียงกระเตื้อง โดยเฉพาะบางพรรคที่ใช้วิธีการแอบอ้างสิ่งมิบังควร นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังจะไปสร้างความหนักใจให้กับผู้ต้องตอบแทนบุญคุณอย่าง กกต.อีกต่างหาก
เพราะเรื่องเหล่านี้มีบัญญัติไว้ชัดทั้งในรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบ หรือแม้แต่ระเบียบของ กกต.เอง ดังนั้น จะทำเป็นหลับตาข้างยิ่งจะทำให้ตัวเองมีโอกาสถูกร้องเรียนและขาเข้าไปแหย่อยู่ในคุกสูง เวลานี้ในทางลับจึงปรากฏข่าวมีการยกหูวิงวอนขอผู้ที่มีอำนาจสั่งการไม่ปล่อยให้คนในพรรคที่ตัวเองสังกัดใช้วิธีการแบบนี้ ความเป็นจริงสิ่งที่แอบอ้างกันนั้นมันก็มีบางพรรคบางคนที่ทำอยู่ เพียงแค่ไม่ได้ทำกันแบบโต้ง ๆ โจ๋งครึ่มแบบนี้ เนื่องจากไม่ทำให้ได้คะแนนนิยมแล้วยังเป็นการดึงฟ้าต่ำด้วย
ว่ากันถึงคะแนนนิยมพรรคที่ประกาศแลนด์สไลด์อย่างเพื่อไทย ตัวเลขเป้าหมาย 310 เสียง ถ้าถึงถือว่าฟลุคและกำไรล้นเหลือ ในข้อเท็จจริงไม่ว่าผลโพลของพรรคเอง หรือหน่วยงานที่ฝ่ายกุมอำนาจต้องการเห็นตัวเลขเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะได้อยู่ยาว ตัวเลขไม่หนีกันเท่าไหร่ 240-250 เสียง ส่วนใหญ่จะเป็นที่ตัวเลขแรกมากกว่า ถ้าทะลุถึง 250 เสียงขึ้นไปสำหรับนายใหญ่และลิ่วล้อถือว่าประสบความสำเร็จตามที่ต้องการแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลหรือไม่
อย่างไรเสียก็ถือว่ามีเสียงข้างมากในสภาอยู่แล้ว เมื่อผนวกเข้ากับก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ พรรคฝ่ายค้านเดิมก็กุมความได้เปรียบ เรื่องขั้วการเมืองเดิมจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยอาศัยเสียง ส.ว.ลากตั้ง 250 เสียงโหวตผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แค่คิดก็ผิดแล้ว ต้องถามพรรคอย่างพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย พร้อมที่จะรับแรงกระแทกซึ่งจะตามมาหรือไม่ เมื่อตัวเลขเป็นไปในทิศทางเช่นนี้ ขั้วการเมืองที่ 3 จึงเกิดขึ้น ซึ่งก็หมายถึงพรรคของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กับพรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล นั่นเอง
เพียงแต่ว่าขั้วใหม่ดังว่านั้น เมื่อพิจารณาจากเสียงที่ได้แล้ว ไม่มีพลังมากพอที่จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แต่จะมากพอในการที่จะต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล แต่ความโน้มเอียงในนามของผู้นำการเจรจา บทบาทจะตกไปอยู่ที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่ใช่เสี่ยหนู แม้ว่าในแง่ของคะแนนเสียงพรรคสืบทอดอำนาจอาจจะเป็นรองอยู่เล็กน้อย แต่ในแง่ของพาวเวอร์ในการขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ลากตั้ง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งมูลนิธิป่ารอยต่อฯ มีมากกว่า
แม้อาจจะมองกันว่าในเมื่อเสียงของเพื่อไทยและพันธมิตรมีมากขนาดนั้น ทำไมต้องไปง้อขอเสียงจากพวกลากตั้ง ต้องอย่าลืมว่าคนที่จะได้รับการโหวตเป็นนายกฯ นั้น ต้องมีเสียงสนับสนุนจากทั้งสองสภา ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 376 เสียง เมื่อคำนวณตัวเลขกันเสร็จสรรพ เติมจำนวน ส.ส.จากขั้วที่ 3 เข้าไปก็ยังจะขาดอีกเล็กน้อย จึงต้องอาศัยพลังของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่ถือว่าดูแล ส.ว.ลากตั้งมาเป็นอย่างดี ทางหนึ่งน้องเล็กอาจจะเป็นผู้มีบุญคุณในฐานะคนเซ็นแต่งตั้ง แต่การเลี้ยงดูหลังจากนั้นเป็นภาระที่คนใช้ใจบันดาลแรงรับผิดชอบมาโดยตลอด
อาจจะมีเสียงของ ส.ว.ส่วนหนึ่งที่บอกว่าต้องฟังเสียงของประชาชน แต่ทางการเมืองเรื่องผลประโยชน์และทัศนคติส่วนตัวเป็นสิ่งที่จะเชื่อกันไม่ได้ ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทจึงต้องเดินเกมสานสัมพันธ์กันไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ในความเป็นจริงที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ก็มีคนเข้าออกไม่ขาดสายอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้แต่น้องเล็กทั้ง 2 คนที่ดอดเข้าไปรดน้ำขอพรพี่ใหญ่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ปากก็บอกว่าไม่ได้คุยกันเรื่องการเมือง แต่ความเป็นจริงคุยกันมากกว่านั้น
แน่นอนด้วยสายสัมพันธ์พี่น้องที่มีกันมานาน ย่อมต้องรักษาน้ำใจไมตรีกันเป็นธรรมดา แต่ลับหลังทีมที่ปรึกษาของพี่ใหญ่ต่างพากันส่ายหน้าเป็นแถว เพราะรู้ดีถึงฤทธิ์เดชพวกสอพลอที่อยู่ใกล้ตัวน้องเล็ก บทบาทที่ถูกตัดไปของพี่ใหญ่นับตั้งแต่ตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งปี 2562 ยังเป็นความเจ็บปวดที่ถูกเก็บไว้รอวันสะสาง ความเป็นไปได้ที่จะเป็นการแยกกันเดินร่วมกันตีหลังเลือกตั้งนั้น น้อยลงทุกที หากไม่เกิดปรากฏการณ์พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินคงเป็นไปได้ยาก
มาถึงนาทีนี้ เรื่องที่พี่ใหญ่และทีมกุนซือมองข้ามช็อตกันไปแล้วก็คือ จะเดินหน้าตามแผนก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างไร โดยฝ่ายที่ไปเจรจาจับมือกันก็เห็นดีเห็นชอบไปแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น งานด้านเศรษฐกิจด้วยความที่มีทีมซึ่งเคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาก่อน บางเรื่องจึงมองไปในทิศทางเดียวกัน การเตะตัดขาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่เกิดขึ้น และหลายอย่างก็จะได้เห็นกันทันทีที่ตั้งรัฐบาลเสร็จ ไม่มีการแทงกั๊กหรือต้องการจะเป็นวันแมนโชว์เหมือนอย่างที่พี่ใหญ่ถูกน้องเล็กหักหลังมาเกือบ 4 ปี
ยังถูกวิจารณ์ต่อเนื่องกับบทบาทและการทำหน้าที่ของ 6 เสือ กกต.รวมทั้งฝ่ายทำงานอย่างสำนักงาน กกต.ที่มี แสวง บุญมี เลขาธิการเป็นหัวเรือใหญ่ เพราะเลือกที่จะใช้การสื่อสารแบบทางเดียว การเดินทางไปต่างประเทศที่อ้างว่าตรวจความเรียบร้อยของการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 4-24 เมษายนนั้น ถ้ามองในแง่บทบาทของผู้จัดการเลือกตั้ง มันจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปกันขนาดนั้นเชียวหรือ กลับมาเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ก่อนหย่อนบัตร การทำงานของ กกต.จะรอบคอบ รัดกุม และทันต่อสถานการณ์อย่างนั้นหรือ
เห็นแบบนี้ พวกที่ต้องการจะให้มีการยุบพรรคที่เป็นปฏิปักษ์กับขบวนการสืบทอดอำนาจคงจะหงุดหงิดกันน่าดู เนื่องจากตามกระบวนการกฎหมายต่อให้มีระเบียบยุบพรรคแบบฟาสต์แทรค แต่เมื่อดูจากเงื่อนเวลาที่ กกต.จะกลับมาจากดูงานต่างประเทศ ยังไงก็คงไม่ทันยุบก่อนเลือกตั้ง คงจะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้งและรู้ผลกันไปแล้ว ซึ่งนั่นไม่ตอบโจทย์ เพราะ ส.ส.ของพรรคที่ถูกยุบก็จะไปสังกัดพรรคที่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับคนอยากอยู่ยาว หรือนี่อาจเป็นวิธีที่ 6 เสือ กกต.ไม่อยากจะรับเผือกร้อน เพราะรู้ดีว่าหากมีการยุบพรรครอบนี้ ไม่มีใครการันตีได้ว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับการยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่