ทองคำแข็ง แต่บาทอ่อนค่า
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (12 เม.ย.) ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกทำราคานิวไฮกันอีกครั้งก่อนที่จะปรับตัวลงมาเพื่อเด้งกลับขึ้นไปใหม่
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (12 เม.ย.) ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกทำราคานิวไฮกันอีกครั้งก่อนที่จะปรับตัวลงมาเพื่อเด้งกลับขึ้นไปใหม่วานนี้ตามทิศทางตลาดที่ยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
ราคาทองคำที่บ้านเราก็เลยลงไปที่ระดับแถว ๆ เหนือ 3 หมื่นบาท ซึ่งต่อค่าบาทที่ยังอ่อนน่าลงทุนเพราะแรงทำกำไรตามค่าดอลลาร์ที่กลายเป็นตลาดที่ผันผวนไป
การที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.90 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 2,024.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สำหรับค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวานนี้อยู่ที่ 34.34 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด แต่ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เน้นว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุม รอบถัดไป ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น และดอลลาร์แข็งค่าเทียบทุกสกุลเงิน
การที่แนวโน้มของกรณีที่ค่าดอลลาร์จะแข็งขึ้นไปอีกเกิดจากตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่เฟดฯ
นักบริหารตลาดอัตราแลกเปลี่ยนของไทยคาดว่า แนวโน้มของค่าบาทจะยังอ่อนค่าต่อเมื่อเทียบกับดอลลาร์วานนี้เพราะยังต้องระมัดระวัง Flow ทองคํา เนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมาทองคําลงกว่า 30 เหรียญดอลลาร์ จึงอาจมี Flow นําเข้า ทองคําได้ เป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนรุนแรงตามค่าดอลลาร์และราคาทองคำนี้ ทำให้เม็ดเงินเก็งกำไรไม่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยมากนัก ได้แต่วิ่งในลักษณะซิกแซกเนื่องจากตลาดหุ้นไร้ทิศทาง
การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.69% แตะที่ 101.4997 ในวันพุธ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ราคาทองยังได้แรงหนุนจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณใกล้สิ้นสุดวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหลังจากที่ทำราคานิวไฮล่าสุดก่อนวันสงกรานต์ของไทย
แนวโน้มของตลาดเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องชวนอึดอัดของนักลงทุน แต่มูลค่าของตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายวันละมากกว่า 50,000 ล้านบาทก็สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยยามนี้มีนักลงทุนที่เปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์สูงระดับ “เขี้ยวลากดิน” ที่รู้ว่าตลาดหุ้นยามนี้ ยังคงเชื่อมั่นในตลาดไม่เสื่อมคลายต่อไป
โดยเฉพาะนักลงทุนระดับแมงเม่าที่ติดปีกโบยบินกับความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทยที่ยังคงมีหุ้นพื้นฐานคุณภาพดีแต่ราคาต่ำเกินพื้นฐานหรือบุ๊กแวลูอยู่ค่อนข้างมาก รวมทั้งหุ้นพลังงานอย่าง PTT หรือ GULF แล้วก็หุ้นกลุ่มธนาคารที่ส่วนใหญ่ราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูทั้งแผงเพราะราคาลงมาต่ำและย่ำฐานรอวันขาขึ้นของตลาดอยู่