“กรภัทร” แนะเก็บหุ้นแบงก์ เลือก BBL-TTB น่าลงทุน

“กรภัทร วรเชษฐ์” แนะหุ้นกลุ่มแบงก์ยังน่าลงทุน หลังประกาศงบการเงินภาพรวมออกมาดี เลือกหุ้นเด่น BBL- TTB ขณะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างของดัชนีตัวเลขภาคอุตสาหกรรมชู ICHI


นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (20 เม.ย. 66) โดยมองว่า ปัจจัยเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังแข็งค่าอยู่ เพราะว่าประธานเฟดในบางสาขา ได้มีการส่งสัญญาณว่านโยบายการเงินของสหรัฐยังต้องเข้มงวดต่อ ก็ทำให้ภาพของตัวดอลลาร์ที่แข็งค่าถ่วงจิตวิทยาเงินทุนที่ไหลเข้าเอเชียเมื่อวานสะดุดต่อเนื่อง

สำหรับเช้าวันนี้ที่ต่างประเทศจะมีตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐพวกขอสวัสดิการว่างงานเป็นครั้งแรก ตลาดได้มีการเก็งว่าตัวเลขจะเร่งขึ้นมาถึง 2.4 แสนราย ซึ่งถ้าออกมาในลักษณะนี้จริงจะทำให้ตัวดอลลาร์ที่แข็งอยู่นั้นอาจจะกลับมาเป็นอ่อนค่าโดยจะทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ว่าตลาดการเงินของสหรัฐจะเป็นปลายไซเคิล ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียประคองตัวเคลื่อนไหวลักษณะไซด์เวย์ได้

ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยเป็นบวกเข้ามาสนับสนุน โดยเรื่องแรกคือดัชนีผลผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เร่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี ก็สะท้อนว่ามีสัญญาณในการฟื้นตัว ขณะเดียวกันงบของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมาดีมาก และดีกว่าไตรมาส 4 อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยภาพโครงสร้างรวมนั้นถือว่าดี เพราะฉะนั้นตัวหุ้นกลุ่มของกลุ่มธนาคารจึงเป็นจุดที่ทำให้ sentiment ดูกลับมา สะท้อนจากการค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าในเช้าวันนี้

ส่วนประเด็นเรื่องของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่มีการตั้งคำถามว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK  และ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB จะกระทบเยอะหรือไม่นั้น เนื่องจากเป็นธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ให้   ก็ต้องบอกว่าถ้าดูเรื่องการปล่อยกู้นั้น ทาง STARK ได้ปล่อยกู้ 5,000 ล้านบาท ต้องยอมรับว่าเป็นจิตวิทยาลบ ซึ่งหุ้นเปิดมาอาจจะลบก่อน แต่อย่าลืมว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้วมันมีเรื่องของตัวการตั้ง Position ของ KBANK ที่มากกว่าปกติ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเห็นความเสี่ยงล่วงหน้าเลยปรับไปก่อน  ภาพรวมอาจจะกระทบไม่เยอะแบบที่ตลาดคาดการณ์

ดังนั้นราคาของ KBANK ที่ย่อลงมาอาจจะเป็นโอกาสในการซื้อ  แบงก์เองโดยรวมน่าจะประคองตลาดได้ โดยคาดว่า downside ต่อ earnings ของ KBANK อยู่ที่ 8% จะทำให้มีการปรับตัวลง โดยราคาอาจะปรับตัวลงมา 10 บาท จาก 170 บาท จะเหลือ 160 บาท โดยประมาณ   ขณะที่ตัว SCB อยู่ที่ 5%  ก็กระทบอาจจะกระทบ 5 บาท ทำให้ราคาลงมาที่ 125 บาท ซึ่งอยู่ก็ต้องบอกว่าอยู่ในโซนที่มีโอกาส upside อยู่ดี  แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้มองว่าจะกระทบเยอะขนาดนั้น

ประเมินกรอบการเคลื่อนตัววันนี้ของตลาดหุ้นเป็น sideway โดยให้กรอบไว้ที่  1,590 -1,594 จุด โดยแนวรับที่ 1,571 – 1,565 จุด

ส่วนหุ้น ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB  และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่งบเพิ่งออกมานั้น ต้องบอกว่างบออกมาดีกว่าคาดการณ์ไว้ ซึ่ง TTB นั้นมีมูลค่าพื้นฐาน 1.70 บาท ส่วน  KTB ให้ราคาเป้าหมาย 24 บาท อย่างไรก็ตามหากเลือกเป็นหุ้นท็อปพิก คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL แนวต้านที่ 160-164 บาท ที่คาดว่างบจะออกมาดี และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 เม.ย. 66 ขณะที่ TTB แนวต้านที่ 1.45 – 1.50 บาท  ซึ่งแนะนำซื้อ 2 ตัวนี้เป็นตัวเด่น

ส่วนเรื่องของการเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างของดัชนีตัวเลขภาคอุตสาหกรรมที่เร่งขึ้นเด่น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ  ICHI จะเป็นตัวที่ทำกำไรได้ดี ให้แนวต้านที่ 13.50 – 13.90 บาท

Back to top button