หลอกไปเชือด?
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาเหลือเกิน เพราะแรงขายที่ถล่มออกมาอย่างหนักหน่วงช่วงเปิดเทรด
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาเหลือเกิน เพราะแรงขายที่ถล่มออกมาอย่างหนักหน่วงช่วงเปิดเทรด กลายเป็นตัวถ่วงรั้งความมั่นใจของแมงเม่าเต็ม ๆ แต่คล้อยหลังได้ไม่นานก็มีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนดันดัชนีขึ้นมายืนในแดนบวกแบบปริ่ม ๆ พร้อมกับแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบตลอดทั้งวันนั้น มันเป็นภาพที่ส่อไปในทางหลอกไปเชือดอีกกระมัง!
สาเหตุที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นเป็นผลมาจากพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบันยังแทงกั๊กเหมือนเดิม ผนวกกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นต่างประเทศยังถูกหลอกหลอนจาก “Bank Run” (ลูกค้าแห่ถอนเงินออกจากธนาคาร หลังมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ โดยธนาคารไม่สามารถนำเงินสดมาคืนลูกค้าได้ทั้งหมด) จึงเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องเผื่อใจไว้มากนิดหนึ่ง เพราะดูเหมือนเรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นที่ปะทุขึ้นมาใหม่น่ะซี
งานนี้ถึงต้องประเมินกันว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,543.95 จุด บวกไป 3.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.24 หมื่นล้านบาท เป็นการเปิดช่องให้นักลงทุนเข้าไปลุยหุ้นรอบใหม่หรือเปล่า? เพราะสิ่งที่เห็นเที่ยวนี้มีแต่เรื่องราวที่ทำให้หัวจะปวด จึงต้องคิดกันว่า แนวรับ 1,520 จุดเอาอยู่จริงไหม? และการตะลุยซื้อหุ้นในภาวะตลาดหุ้นรีบาวด์มีความเสี่ยงขนาดไหน? โดยทั้งหมดเป็นเรื่องที่เดี๊ยนไม่สามารถตอบได้ และต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะจะบอกให้
เหมือนกับการดิ่งลงของน้องท็อป TOP ก็มีประเด็นที่ต้องคิดมากเช่นกัน หลังราคาหุ้นไหลลงไม่หยุดสักที จนหลายคนเริ่มสงสัยว่า การยืนปิดที่ระดับ 47 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.21 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 3 เท่า พ่วงด้วย BV 70 บาท มองมุมไหน ด้านไหน ก็ต้องพูดตรงกันว่า ต้องช้อน! ยกเว้นมีความกังวลเกี่ยวกับกำไรไตรมาส 1 จะแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็คงได้เห็นหุ้นลงต่อเจ้าค่ะ
คล้ายกับสถานการณ์เด้งกลับของแบงก์สีเขียว KBANK ก็มีประเด็นที่ต้องคิดอีกเช่นกันว่า การยืนปิดที่ระดับ 127 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.25 พันล้านบาท ใช่การกลับทิศอย่างบูรณาการไหม? เพราะสิ่งที่รับรู้กันมาตลอดก็คือ โมเมนตัมของการทำธุรกิจไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่? จนต้องเปลี่ยนไปบุกตลาดรายใหญ่แทนเอสเอ็มอี เดี๊ยนเลยหวั่นใจเหลือเกินว่า หลอกไปออกของอีกน่ะซี
ส่วนในรายที่ทุกคนรู้ว่า ผลงานต่อจากนี้ดีแน่ ๆ แต่ก็ถูกขายออกมาเรื่อย ๆ คงต้องมองไปที่หุ้นท้องฟ้าสีคราม SKY ก่อนใครเพื่อน เพราะการตีกลับขึ้นมาปิดที่ 24.20 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท มันอาจเป็นจุดเปลี่ยนของการเล่นเที่ยวนี้ก็เป็นไปได้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินภาพของหุ้นต่อจากนี้กันเอาเอง ขืนพรรณนามากเกินไป อาจถูกครหาว่า เชียร์ออกนอกหน้า..อิอิอิ
ในเมื่อเม้าท์ถึงรายที่ทำผลงานดีไปแล้ว ก็ถึงคิวเม้าท์ถึงหุ้น COM7 ซึ่งบรรดาโบรกเกอร์มองว่า ผลงานต่อจากนี้ไม่ได้เรื่อง และเป็นชนวนเหตุให้นักลงทุนรินขายหุ้นออกมาไม่หยุดหย่อน จนวานนี้ลงมาปิดที่ระดับ 25.75 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 747 ล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 2 ปี 2 เดือน มันอาจเป็นการลงที่มากเกินไปหรือเปล่า? อันนี้คงขึ้นอยู่กับงบไตรมาส 1 ออกมาเป็นแบบไหน? ต่อจากนั้นถึงจะมองออกว่า เมคเซนส์ไหม?
ประเด็นนี้ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นความงามอย่าง KLINIQ เป็นรายถัดมา หลังมีความสงสัยเกี่ยวกับการตั้งค่าเสื่อม ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อการทำกำไรในระยะยาว โดยเสียงร่ำลือที่เม้าท์กันให้แซ่ดมีการเอ่ยถึงอายุของเครื่องมือน่าจะอยู่ได้แค่ 3-5 ปี แต่ดันตั้งค่าเสื่อมยาวถึง 10-12 ปี จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับตัวอีฉันเมื่อได้ยินเรื่องราวดังกล่าว และคงต้องเปิดเวทีให้คนที่เกี่ยวข้องช่วยอธิบายข่าวเม้าท์ดังกล่าวเสียแล้ว เพราะข่าวเม้าท์มันทำให้การขึ้นมายืนปิดที่ 41.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 173 ล้านบาท มีความเสี่ยงไงล่ะจ๊ะ
ไหน ๆ ก็มาแนวความเสี่ยงกันทั้งที วันนี้ขอเม้าท์ถึงหุ้น ZIGA เป็นวันที่สองสักหน่อย เพราะการขึ้นมาปิดที่ 2.14 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท ทั้งที่ยังมีเรื่องวุ่น ๆ ภายในบริษัทตามหลอกหลอนไม่เลิกแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นความเสี่ยงที่นักเล่นต้องประเมินกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ยกเว้นเป็นพวกขาลุยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ราคานี้ก็ไล่ราคากันมันเจ้าค่ะ