MGC วิ่งต่อ 5% เก็งพื้นฐานแกร่ง ลุ้นรายได้ปีนี้โต 10% เชื่อมั่น “เสี่ยป๋อง” ลงทุนยาว
MGC วิ่งต่อ 5% นักลงทุนมั่นใจต่อผลประกอบการ หลังซีอีโอลั่นเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% รับแรงหนุนธุรกิจหลักขยายตัวดี แถมเข้าตา “เสี่ยป๋อง” พร้อมลั่นซื้อถือลงทุนยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 เม.ย. 66) ราคาหุ้น บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC ล่าสุด ณ เวลา 11:18 น. อยู่ที่ระดับ 9.35 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 5.06% สูงสุดที่ระดับ 9.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 557.94 ล้านบาท
นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC เปิดเผยว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 2,226 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้ 1.ชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน 2.ลงทุนในบริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ที่บริษัทถือหุ้น 50% และ 3.เป็นเงินทุนหมุนเวียน
“MGC-ASIA ได้ร่วมทุนกับ SCBX จัดตั้ง Alpha X เพื่อขยายธุรกิจด้านการให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์ในระดับลักซ์ชัวรี่ และมารีน โดยมองว่า Alpha X จะสนับสนุนพอร์ตของกลุ่ม MGC ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง พร้อมทั้งสนับสนุนรายได้ และกำไรเติบโตสูง จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีมาก สำหรับในปีที่ผ่านมา ALPHA X ปล่อยสินเชื่อได้ 4,000 ล้านบาท และในปี 2566 คาดว่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างจะแตะระดับ 10,000 ล้านบาท และภายใน 3 ปีนับจากนี้ ตั้งเป้าหมายขยายพอร์ตสินเชื่อคงค้างแตะระดับ 25,000-30,000 ล้านบาท พร้อมผลักดันเข้าตลาดหุ้นต่อไป” นายสัณหวุฒิ กล่าว
สำหรับในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 2 หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 10% เป็นไปตามการขยายตัวของรายได้ของธุรกิจหลักทั้งจากการขายและบริการ ของกลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์ และคนขับกลุ่มธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และบริการ และรายได้อื่นๆ อีกทั้งมองว่าหลังเลือกตั้งความเชื่อมั่นของภาคการลงทุนจะดีขึ้น และกำลังซื้อจากผู้บริโภคมีมากขึ้น รวมถึงกำลังซื้อกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิกด้วย
ขณะที่กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย 1.มุ่งสู่การพัฒนา MGC-ASIA Ecosystem ให้มีความแข็งแกร่ง โดยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รุ่นของยานยนต์ และประเภทของบริการ รวมไปถึงการสร้าง Mobility Lifestyle Ecosystem ที่แตกต่าง ด้วยการขยายธุรกิจต้นน้ำ เช่น บริการเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ และขยายธุรกิจปลายน้ำ เช่น บริการหลังการขาย เพื่อให้ครอบคลุมทุกวงจรการใช้บริการของลูกค้า (Customer Life Cycle)
2.พัฒนาและต่อยอดทางธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) หลังเดินหน้าธุรกิจ EV มาหลายปีแล้ว เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจจำหน่ายและให้บริการด้าน EV ในประเทศไทย 3.เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ บริหารต้นทุน และเพิ่มความสามารถทำกำไร และ 4.พัฒนาธุรกิจให้บริการเทคโนโลยีและสารสนเทศ (IT) ซึ่งมีพันธกิจยกระดับการให้บริการ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ (Digitalization) และการเปลี่ยนแปลงสู่ Digi-Tech Mobility Lifestyle บนทุกแพลตฟอร์ม
นางสาวเจิดนภางค์ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชีกลุ่มบริษัท MGC เปิดเผยว่า การเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มนักลงทุนมูลค่า (VI) ที่เข้ามาถือครองหุ้นติดอันดับ 8 คือ นายวัชระ แก้วสว่าง (เสี่ยป๋อง) และอันดับ 9 คือ นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย (บอย ท่าพระจันทร์) มองว่าเป็นการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากเห็นโอกาส และศักยภาพในการเติบโตของบริษัทพร้อมทั้งมอง MGC เป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock) อีกหนึ่งตัวในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับพรีเมียม และการก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคตอันใกล้ที่มีความน่าสนใจ
ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 ผลการดำเนินงานจะออกมาค่อนข้างดี เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เบื้องต้นจะประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่ออนุมัติ และประกาศงบประมาณกลางเดือน พ.ค. 2566 ขณะที่ในปี 2566 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนใน Alpha X ประมาณ 900 ล้านบาท และลงทุนบริการหลังการขาย ศูนย์บริการยานยนต์แต่ละยี่ห้อ และศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ ภายใต้ชื่อ Master Motor Services (MMS) ประมาณ 100 ล้านบาท รวมไปถึงจะใช้เงินไปชำระหนี้สิน และอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
ด้าน นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ “เสี่ยป๋อง” นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงการเข้าลงทุนในหุ้น MGC ว่า ได้รับการจัดสรรไอพีโอมา (ราคา 7.95 บาท) ส่วนสาเหตุที่เข้าลงทุนเพราะมั่นใจในการบริหารงานของทีมงาน MGC ที่รู้จักกันมายาวนาน และธุรกิจ MGC ดำเนินการมาแล้วกว่า 20 ปี เป็นผู้นำในธุรกิจประเภทนี้ทั้งขายรถยนต์ BMW Rolls-Royce ฯลฯ และยังมีรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอีกด้วย พร้อมกับกล่าวว่าการเข้าลงทุนในหุ้น MGC เป็นการซื้อถือยาว และพร้อมจะเติบโตไปกับบริษัทด้วยกัน