พักก่อนค่อยลุยใหม่

วานนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวไซด์เวย์ วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวที่จะมีการหยุดยาวอีกรอบ


วานนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวไซด์เวย์ วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวที่จะมีการหยุดยาวอีกรอบ ซึ่งสัปดาห์นี้เปิดทำการเพียง 2 วัน (อังคาร-พุธ) พ่วงกับไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ผนวกกับนักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูผลประชุมเฟด และแบงก์ชาติยุโรปแถลงมติอัตราดอกเบี้ย รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกเกษตรเดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ อีกด้วย จึงทำให้ดัชนีปิดที่ระดับ 1,528.43 จุด ลบไป 0.69 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3.99 หมื่นล้านบาทเท่านั้นเองเจ้าค่ะ

อย่างไรก็ตามช่วงหยุดยาวก่อนหน้านั้น “โมนิก้า” ได้ไปทำการบ้านถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค.นี้ว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งเดือนแรกจากปัจจัยภายในก็เป็นได้จากหลายสำนักกล่าว โดยมองไปยังปรากฏการณ์ Election rally ที่มักเกิดขึ้นก่อนหน้าการเลือกตั้งจริงราว 2 สัปดาห์ ซึ่งน่าจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มหุ้น Domestic ขึ้นมาได้อีกระลอกเพื่อช่วยให้ดัชนีมีโอกาสดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือบริเวณ 1,550 จุด หรือไปทดสอบ 1,600 จุดเจ้าค่ะ

แต่หลังจากนั้นพอเข้าช่วงครึ่งเดือนหลัง โดยเฉพาะในช่วงหลังเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้วราว 1 สัปดาห์ “โมนิก้า” แนะนำให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น…หากผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่สามารถก่อให้เกิดกรณีที่พรรคแกนนำสามารถรวมเสียงได้เกิน 375 ที่นั่ง หากเป็นเช่นนี้ คาดว่าอาจเห็นปรากฏการณ์ Sell on fact ในตลาดเกิดขึ้นภายหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้นได้ราว 1 สัปดาห์ คล้ายกับสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเพคะ

ระหว่างรอความชัดเจน “โมนิก้า” แนะนำถือครองหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีสตอรี่เข้ามาช่วยหนุนจะเกิดความปลอดภัยต่อการลงทุนมากขึ้น หรืออาจเล่นเก็งกำไรรายตัวไปก่อน อย่างตัวของ KTB ที่ราคาหุ้นยังคงชนะตลาดฯ จนล่าสุดขึ้นมาปิดที่ระดับ 18.10 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.56% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.28 พันล้านบาท ทั้งนี้ “โมนิก้า” เชื่อยังเป็นหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ทนทานต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ มิหนำซ้ำอยู่ในธีม Election rally ในอดีตอีกด้วยจ้า ๆ ๆ

เช่นเดียวกับหุ้นของ BH ราคาหุ้นค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นมาจนขึ้นมาปิดที่ระดับ 239 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 290 ล้านบาท รอบนี้หากฝ่าแนวต้านจิตวิทยาบริเวณ 340 บาทได้มีลุ้นไปต่อไม่รอแล้วนะ เพราะหลังจากเปิดประเทศรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยล่ะ โดยเฉพาะไตรมาส 1 ที่ผ่านมา รวมถึงผู้ป่วยไทยดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นโมนิก้าเชื่อว่าไตรมาส 2 นี้ คงดีกว่าเดิมหลังคนต่างชาติไหลเข้าไทยมากขึ้น ณ ปัจจุบันจ้า

เหมือนกับหุ้นของ XO วานนี้จี๊ด จ๊าด ไม่เกรงใจใคร ราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 13.70 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.03% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 31 ล้านบาท สามารถทะลุเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นไปได้แข็งแกร่ง ลุ้นต้านถัดไป 14.60 บาทเห็น ๆ ซึ่งโมนิก้ายังแอบเชื่อมั่นต่อตัวบริษัทฯ ที่มีแผนกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง แถมปรับราคาขายสินค้ากลุ่มหลักขึ้น 8-12% แล้วจะไม่เห็นรายได้เติบโตได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น MAKRO การันตีจากฝ่ายวิจัยว่ามีโอกาสสูงที่จะเข้าดัชนี MSCI ในรอบเดือน พ.ค. ซึ่งเบื้องต้นคาดจะมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า ณ วันปรับน้ำหนักดัชนีสูงถึง 4-5 พันล้านบาท อีกทั้งหุ้นค้าปลีกมักปรับตัวขึ้นได้เด่นกว่าตลาดตามค่าทางสถิติหลังเลือกตั้ง ดังนั้น “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจกลับการเข้ามาไล่ราคาหุ้นรอบใหม่นี้ปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 38 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 359 ล้านบาท อุ๊ยบอกแล้วนะคะ

ปิดท้ายกับหุ้น SABUY โอ้แม่เจ้าโว้ย หลังจากบอร์ดเคาะใช้เงิน 1.09 พันล้านบาท ซื้อหุ้นคืนจำนวน 87.20 ล้านหุ้น กำหนดระยะเวลาวันที่ 8 พ.ค.-14 ก.ค. 66 ปัดโธ่ราคาหุ้นก็เด้งรับให้ทันทีทันใดเลย โดยวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 10.30 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 8.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 269 ล้านบาท งานนี้จะวิ่งยาวหรือพอ….ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่ามีความเชื่อมั่นมากน้อยแค่ไหนกับบริษัทฯ ส่วนตัว “โมนิก้า” เองยังคิดบวกอยู่นะคะ

Back to top button