“ดาวโจนส์” ปิดลบ 9 จุด เซ่นแรงขายหุ้นใหญ่ หลัง “ดัชนีเชื่อมั่นสหรัฐ” ต่ำสุดรอบ 6 เดือน
ดัชนี “ดาวโจนส์” ปิดลบ 9 จุด รับแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งถูกกดดันจากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน กดดันตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเล็กน้อยในวันศุกร์ (12 พ.ค.) นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ซึ่งปรับตัวลงหลังจากทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,300.62 จุด ลดลง 8.89 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,124.08 จุด ลดลง 6.54 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,284.74 จุด ลดลง 43.76 จุด หรือ -0.35% ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.1%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.3% และดัชนี Nasdaq บวก 0.4%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลงเล็กน้อยและปรับตัวลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันนานที่สุดในรอบ 2 เดือน
หุ้นเทสลา ร่วงลง 2.3% หลังจากพุ่งขึ้นมากกว่า 2% ในวันพฤหัสบดีเมื่อนายอีลอน มัสก์ ประกาศว่า เขาพบผู้ที่จะมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของทวิตเตอร์แล้ว และในวันศุกร์ เขาทวีตว่า นางลินดา ยัคคารีโน อดีตหัวหน้าฝ่ายโฆษณาของบริษัทเอ็นบีซียูนิเวอร์แซล จะเป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัททวิตเตอร์
ดัชนี S&P500 กลุ่มเทคโนโลยี ลดลง 0.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ลดลง 0.9% ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น 0.4%
หุ้นแอปเปิ้ล, อะเมซอน.คอม และเทสลาถ่วงดัชนี S&P500 ลงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม กลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวขึ้นราว 22% แล้วในปีนี้
ส่วนหุ้นบวกสวนตลาดได้แก่ หุ้นนิวส์ คอร์ป ซึ่งทะยานขึ้น 8.5% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 สูงกว่าคาด และหุ้นเฟิร์สต โซลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแผงโซลาร์ พุ่งขึ้น 26.5% หลังซื้อกิจการอีโวลาร์ เอบี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์แบบฟิล์มบางของสวีเดน
ตลาดถูกกดดันหลังการเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนพ.ค.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ขณะที่ความขัดแย้งเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจด้วย
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงในเดือนพ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและวิกฤตในภาคธนาคาร
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับ 57.7 ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 63.0 จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะแตะระดับ 4.5% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า และสำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 3.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดอาจฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่นายมิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการเฟดเปิดเผยในวันศุกร์ว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
บรรดานักลงทุนจับตาประเด็นเพดานหนี้สหรัฐ ขณะที่มีรายงานว่าการหารือรอบ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งเดิมกำหนดมีขึ้นในวันศุกร์นี้นั้น ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นสัปดาห์หน้า
หากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ด้านสำนักงานงบประมาณของสภาคองเกรสเปิดเผยในวันศุกร์ว่า สหรัฐจะเผชิญความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่จะผิดนัดชำระหนี้ภายใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนมิ.ย. หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้