คัด 11 หุ้นเด่นเน้นเก็บกลุ่ม mid capSET ยังต้องเฝ้าระวัง-แนวรับ 1,295 จุด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ลุ้นรีบาวด์ช่วงสั้น แต่มีโอกาสผันผวนถึงปรับตัวลง โดยคาดว่าดัชนียังคงมีการปรับฐานไปจนถึงสัปดาห์หน้าเพื่อรอแรงหนุนจากฝั่งกองทุน อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่รอความชัดเจนจากการประชุม FOMC วันที่ 16 ธ.ค.นี้


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.13 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.92 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ นักลงทุนจับตาดูจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ในวันนี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 1.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอัตราการขยายตัว 1.3% ในเดือนต.ค.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ลุ้นรีบาวด์ช่วงสั้น แต่มีโอกาสผันผวนถึงปรับตัวลง โดยคาดว่าดัชนียังคงมีการปรับฐานไปจนถึงสัปดาห์หน้าเพื่อรอแรงหนุนจากฝั่งกองทุน อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่รอความชัดเจนจากการประชุม FOMC วันที่ 16 ธ.ค.นี้

หุ้นเด่นเลือก INTUCH, KBANK, CK, MAJOR, DIF, BEAUTY, COL, ASEFA, IFEC, EPG และ ANAN

 

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) ว่าทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ เด้งก่อนผันผวนต่อ แต่ valuation ของดัชนีต่ำลงมากแล้วและจะช่วยจำกัดความเสี่ยง และราคาน้ำมันเด้งจากจุดต่ำสุดใหม่รอบ 6 ปี เชื่อว่าจากนี้ถึงวันพุธหน้าจะเป็นช่วงสุดท้ายของการปรับฐานของ SET แล้ว หลังจากนั้นมองว่าเม็ดเงินจากฝั่งสถาบันยังน่าจะกลับเข้า SET ตามเม็ดเงิน LTF โค้งสุดท้าย คงแนะเก็งกำไรหุ้นมิดแคปเด่นๆ ส่วนหุ้นหลักแนะรอดูสถานการณ์ถึงกลางสัปดาห์หน้าก่อน

วันนี้ซื้อ ASEFA IFEC เก็งกำไร EPG

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) ว่า SET ปรับลดลงมาที่บริเวณแนวรับ 1,300-1,305 จุด (จุดต่ำสุดเดิม 1,292 จุด) ที่เป็นแนวรับในรูปแบบ Head & Shoulder แล้ว ทำให้มีโอกาสเกิด Technical Rebound ระยะสั้น อย่างไรก็ดีการ Rebound จะยังจำกัดเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีแนวโน้ม Wait & See รอความชัดเจนจากการประชุม FOMC วันที่ 16 ธ.ค.นี้

นักลงทุนระยะสั้น “เลือกซื้อ” หุ้นที่มี Momentum แข็งแกร่งกว่าตลาด โดยอิงสัญญาณทางเทคนิคเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดในรายงาน Trade CODE มีหุ้นที่มีสัญญาณ “บวก” อย่าง MAJOR DIF BEAUTY และ COL

สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แม้ระยะสั้นอาจต้องทนความผันผวน แต่ในทางพื้นฐาน การปรับลดลงมาที่ 1,300 จุด เป็นโอกาสในการ “ซื้อ” แล้ว โดยเฉพาะหุ้นปันผลสูง พื้นฐานที่ อย่าง INTUCH KBANK CK

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.) ว่า สภาพตลาดที่ยังถูกกดดันจากปัจจัยภายใน ซึ่งมองว่าเป็นประเด็นหลักที่กดตลาด โดยเฉพาะปัญหาการเมือง ส่วนปัจจัยภายนอก มองว่าการปรับตัวลงของดัชนีในตลาดประเทศ เป็นแค่ระยะสั้น

กลยุทธ์การลงทุนเดิม มองว่าเดือน ธ.ค. ถึงต้น ม.ค.ดัชนี SET จะขึ้นไปที่ระดับ 1420 จุด แต่หลังจากเกิดแรงกดดันตลาด มองว่าดัชนีSET ในเดือน ธ.ค. ถึงต้น ม.ค. เหลือ 1370-1380 จุด สำหรับดัชนีหุ้นน้ำมัน 5 บริษัทลงไปใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในรอบปีแต่ยืนสูงกว่าในช่วงปี 2009 ที่ราคาน้ำมันเบรนท์ลงไปต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบารเรล์

สำหรับทิศทางดัชนี SET หลังลงมาใกล้ 1300 จุด มองว่ามีโอกาสที่ดัชนี SET ในวันนี้จะมีการดีดตัวกลับทางเทคนิค หลังราคาน้ำมันลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดในรอบ 7 ปี แล้วดีดกลับ นอกจากนั้นการลงของดัชนีในครั้งนี้ลงไปแล้วประมาณ 9% พอๆกับการลงในเดือน ธ.ค. 2014 โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1315-1320 จุด ส่วนแนวรับที่ 1300-1296 จุด

Fundamental Stock :=> CK : FLASH NOTE (คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 27 บาท )

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.)  วานนี้แรงขายหลักอยู่ในกลุ่มพลังงาน หลังจาก OPEC ไม่สามารถหาข้อสรุปเพดานกำลังการผลิต ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารเริ่มถูกแรงกดดันจาก ธปท. ให้ปรับในส่วนค่าธรรมเนียมบริการต่าง ๆ  ส่วน CPALL ยังถูกแรงขายจากปัญหาขาดธรรมาภบาล สำหรับที่ประชุม ครม. วานนี้อนุมัติโครงรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ CK เป็นผู้ชนะประมูลรถไฟทางคู่สายจิระ – ขอนแก่น น่าจะส่งผลบวกต่อการลงทุนภาครัฐ & เอกชนในปีหน้า

กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยยังประเมินแนวรับบริเวณ 1,280 – 1,300 จุด  (ระดับ Forward P/E 14.50 – 14.70 เท่า) น่าจะปลอดภัยสำหรับการซื้อเก็งกำไรระยะสั้น

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.)  ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังมีโอกาสซึมลงต่อตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยการเผยมูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือน พ.ย. 2558 ซึ่งปรับตัวลง 4.5% จากปีก่อน และลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ขณะที่การส่งออกของจีนในเดือน พ.ย. 2558 ลดลง 3.7% และการนำเข้าปรับตัวลง 5.6% ส่งสัญญาณเชิงลบด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในระดับต่ำยังคงกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง  คงคำแนะนำ ขายทำกำไร และถือเงินสดมากขึ้นในพอร์ต

แนวรับ/แนวต้าน : 1295/1330 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

กลยุทธ์ : เน้นเล่นสั้น เล็งหุ้นเป็นรายตัว ลงแรงซื้อ เด้งขึ้นขาย เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ธ.ค.)  ทิศทางตลาด คาดยังมีโอกาสลดลง? แต่เป็นไปอย่างจำกัด หลังดัชนีลดลงแรงวานนี้ ภายใต้ปัจจัยกดดันจากประเด็นเดิม ที่คาดตลาดฯ รับรู้ไปบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง (1) ความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ (15 – 16/12/58) หลังการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีทิศทางที่ดี และเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายในระยะกลางที่ 2.0% รวมถึงตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และ (2) ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนที่คาดอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆ

ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงาน รวมถึงภาพรวม Fund Flow ที่ยังผันผวน แรงซื้อขายสุทธิต่างชาติ สลับกันไป แต่มูลค่าไม่สูงมากนัก ขณะที่ YTD ยอดขายสุทธิสะสมเพิ่มต่อเนื่อง อยู่ในระดับที่สูงกว่า 123,000 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในช่วงปลายปี คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง โดยเฉพาะจากต่างชาติ

อย่างไรก็ตามแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คาดมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets นอกจากนี้คาดยังถูกกดดันจากประเด็นความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย ซึ่ง ธปท. มีโอกาสปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ในปี’58 และ 59 ลง แต่คาดอาจถูกชดเชยได้บ้างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลที่คาดออกมาต่อเนื่อง

หุ้นแนะนำ : ANAN

Back to top button