โบรกอัพเป้า TIDLOR ใหม่ 33 บาท จับตาครึ่งปีหลัง NPL ลด-สินเชื่อโต
TIDLOR โบรกคาดครึ่งปีหลังหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงไม่เกิน 1.8% ส่วนสินเชื่อเพิ่มเป็น 19% พร้อมปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ขึ้น 13% อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงปีก่อน อัพราคาเป้าหมายใหม่ 33 บาท
บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ค.) เกี่ยวกับหุ้นบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ว่ามีมุมมองเป็นบวกหลังมีการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ คือ ปรับเป้าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงเป็นไม่เกิน 1.8% จากเดิมไม่เกิน 2.0% และต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) เป็น 3.0-3.35% จากเดิม 3.0-3.5% พร้อมกับประเมินว่าในระยะยาว credit cost จะลดลงสู่ระดับปกติที่ 2.5-3.0%
ขณะที่บริษัทยังคงเป้าสินเชื่อที่เติบโต 10-20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และประกันวินาศภัย (non-life insurance premium) เพิ่มขึ้น 20-25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งจะเห็นสินเชื่อไตรมาส 2 ปี 2566 เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น จากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ขยายตัวเพียง 2% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
ส่วนประเมินต้นทุน (Cost of funds) ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ผ่านมา จะยังต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี 2566 เนื่องจากเป็นการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่หมดอายุในเดือน เม.ย. 2566 ทั้งนี้บริษัทประเมินว่า cost of fund ปี 2566 จะเพิ่มขึ้น +50 bps และมีแนวโน้มที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง 2566 เพื่อรองรับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น
พร้อมทั้งประเมินในส่วนของต้นทุนต่อรายได้ (cost to income) ในไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ 54% ต่ำไป คาดส่วนที่เหลือของปีจะทยอยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ Mid-50% จากค่าใช้จ่ายโฆษณา และการขยายสาขาที่มากขึ้นในครึ่งปีหลัง 2566 หลังจากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ทรงตัว
นอกจากนี้ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ขึ้น 13% อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2567 ปรับกำไรสุทธิขึ้น 17% อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เติบโต 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการปรับ 1. ในส่วนของสินเชื่อ (loan growth) เพิ่มเป็น 19% ในปี 2566 และเป็น 17% ในปี 2567 เดิมปีละ 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 2.ปรับลดต้นทุนเครดิต (credit cost) ลงปีละ -10 bps ตาม NPL ที่ดีขึ้นเป็น 1.8% ในปี 2566 และเป็น 1.7% ในปี 2567 จากเดิมประเมินไว้ในปี 2566 อยู่ที่ 1.9% และในปี 2567 อยู่ที่ 1.8%
รวมทั้ง 3. มีการลดต้นทุนต่อรายได้ (cost to income) ลงเป็นในปี 2566 ที่ 56% และในปี 2567 ที่ 55% เดิม 58% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงที่คลี่คลายมากขึ้นทั้งเศรษฐกิจที่จะเติบโตดีโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว คุณภาพสินเชื่อที่จะไหลลงมาเป็น NPL ที่น้อยกว่าคาด ทำให้บริษัทจะรับรู้ค่าใช้จ่ายตัดจำหน่ายหนี้สูญที่ลดลง และสามารถกลับมาเร่งปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นด้านผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ปี 2566 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากไตรมาสก่อนหน้า จาก NPL และค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนวันในการติดตามหนี้ที่น้อยลง รวมทั้งการเข้าสู่ฤดูฝนที่จะกระทบต่อยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่จะลดลง
ดังนั้นปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 33.00 บาท อิง PBV ปี 2566 ที่ 3.0 เท่า จากเดิม 25.00 บาท อิง PBV ปี 2566 ที่ 2.4 เท่า โดยเป็นผลจากการปรับกำไรสุทธิ และ re-rate PBV ขึ้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยงที่ลดลง จากลูกหนี้ที่จะไหลลงมาเป็น NPL น้อยลงตามเศรษฐกิจที่กลับมาดีขึ้น ทั้งนี้ประเมินว่าบริษัทจะยังมี catalyst จากสินเชื่อที่จะกลับมาขยายตัวมากกว่าคาด, สัดส่วนการใช้งาน และผู้ใช้งาน TIDLOR Card ที่เพิ่มขึ้น หนุนให้รายได้ดอกเบี้ย และสินเชื่อบริษัทจะเติบโตดีต่อเนื่อง