น้ำมันดิบปิดลบหลังโอเปกเพิ่มการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนในเดือนพ.ย. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาน้ำมันที่สูงเกินไป
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 40 เซนต์ หรือ 1.1% ปิด (11 ธ.ค.) ที่ 36.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 38 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 39.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากโอเปกได้เปิดเผยในรายงานประจำเดือนว่า กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 230,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 31.70 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ โอเปกคาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2558 สู่ระดับเฉลี่ย 57.51 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 280,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากมีรายงานว่าสหรัฐ จีน อังกฤษ บราซิล และรัสเซีย ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
สำหรับการประชุมโอเปกครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมโอเปกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมันใหม่สำหรับช่วง 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากโอเปกไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอิหร่านจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเท่าใดในปีหน้า หลังจากที่ชาติตะวันตกได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเมื่อ 6 เดือนก่อน
ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว หลังเพิ่มขึ้น 10 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 485.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 423,000 บาร์เรล สู่ระดับ 59.4 ล้านบาร์เรล