กลุ่มหุ้นเล่นสั้น

นักวิเคราะห์หลายคนต่างแนะนำนักลงทุนเข้าลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้แบบ “เก็งกำไร”

หรือ เล่นสั้น ๆ นั่นแหละ

เหตุผลเพราะ “ปัจจัยลบ” ยังรุมเร้า

ปัจจุบันที่ว่านี้มาจากทั้งต่างประเทศ เช่น การชะลอตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ของโลก การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ส่วนของไทย จีดีพี อาจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดกันไว้

กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

และที่สำคัญคือ ความไม่มั่นคงทางการเมือง เรื่อง การจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายด้านเศรษฐกิจ ฯลฯ

กลุ่มโรงไฟฟ้า ส่วนใหญ่ ยังคงแนะนำเลี่ยงลงทุนไปก่อน

เว้นแต่หากราคาปรับลงมาค่อนข้างมากแล้ว (แต่ไม่หลุดแนวรับ)

สามารถเข้าซื้อเล่นสั้น เพื่อหาจังหวะดีดตัวทางเทคนิคได้ อย่าไปถือยาว เช่น GULF BGRIM GPSC และยังมีหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดกลางและเล็กที่จริง ๆ แล้วอาจไม่ได้รับผลกระทบด้านนโยบาย

ทว่า มีการปรับลงมาตามโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

กลุ่มการเงิน เช่น ธนาคาร แนะเก็งกำไรคือ KBANK BBL KTB SCB

จากประเด็นเรื่อง กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% แน่ ๆ ในวันพุธนี้ และหากมีการส่งสัญญาณว่า ต้องการคุมเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมาย

แสดงว่า กนง.อาจจะมีการขยับดอกเบี้ยขึ้นอีกในการประชุมครั้งถัดไป

และในปี 2566 นี้ อาจจะยังไม่เห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา

นั่นก็ส่งผลดี หรือเป็นเซนติเมนต์เชิงบวกกับหุ้นกลุ่มประกัน เช่น TLI และ BLA

กลุ่มโรงพยาบาล ทั้ง BCH CHG ถูกแนะนำเข้าลงทุนแบบเก็งกำไรเช่นกัน จากสถานการณ์วิค-19 กลับมาอีกครั้ง

มียอดจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ

ล่าสุด โรงพยาบาลขนาดใหญ่ของรัฐ ต่างออกมาบอกแล้วว่า ห้องเต็ม เตียงเต็ม ไม่สามารถรับผู้ป่วยโควิดได้อีกแล้ว

ส่วนโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เช่น BDMS ราคาที่ย่อตัวลงมาบริเวณ 28.00 บาท +/- สามารถเข้าลงทุนได้เช่นกัน แบบเล่นสั้น แนวต้านแรก 28.50 บาท และถัดไป 28.75- 29.50 บาท

และมีต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 30.00 บาท

ปัจจัยหนุน คือ เพิ่มศูนย์โรคเฉพาะทาง เพื่อรักษาโรคซับซ้อนทั้งผู้ป่วยไทยและต่างชาติ

เพิ่มธุรกิจในเขตเศรษฐกิจ EEC ขยายฐานลูกค้าครอบคลุม ประกันสังคม ประกันสุขภาพทั่วหน้า ข้าราชการ, Expat และผู้ป่วยที่จ่ายเงินเอง

และหุ้น BH ราคาที่ย่อตัวลงมาบริเวณ 225 บาท เล่นสั้น รอเด้งทางเทคนิคได้เช่นกัน

และยังมีหุ้นกลุ่มที่จะเข้า SET50 รอบครึ่งปีหลัง 2565 เช่น TLI และ WHA

ส่วนกลุ่ม SET100 เช่น บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG, บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK, บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO, บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA

บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC

และกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนลงระยะสั้น คือ HANA ADVANC INTUCH