SET มีโอกาสรีบาวด์ หลังร่วงแรงทยอยสะสม 7 หุ้นเด็ดมีประเด็นบวก

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์หลังจากปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นคาดอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ในประเทศมีปัจจัยบวกจากการที่ ไทยสอบผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการบินจาก EASA แนะเก็งกำไรกลุ่มสายการบินได้ปัจจัยบวกจาก EASA


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.17 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.98 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่จะมีการเปิดเผยในวันเสาร์นี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์หลังจากปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นคาดอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ในประเทศมีปัจจัยบวกจากการที่ไทยสอบผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการบินจาก EASA แนะเก็งกำไรกลุ่มสายการบินได้ปัจจัยบวกจากกรณีดังกล่าว

หุ้นเด่นเลือก SMPC-IFEC-ASEFA-AAV-BA-THAI และ TOP

 

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้หลังจากที่ปรับตัวลงไปแรงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ภาพโดยรวมยังมีความผันผวน เนื่องจากตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย และตลาดก็ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ขณะที่ทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มยังมีแรงขายอยู่

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ไทยสอบผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการบินจากสำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งมองว่าหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และธุรกิจการบินก็น่าจะฟื้นตัวได้ รวมถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็กก็น่าจะมีการรีบาวน์กลับได้บ้าง มีเพียงหุ้นในกลุ่มพลังงานที่อาจจะยังกดดันตลาดฯอยู่ ดังนั้นการฟื้นตัวของดัชนีฯจึงเป็นลักษณะแกว่งไซต์เวย์

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ต่างรอดูการประชุมเฟดอยู่ แม้ว่าตลาดจะค่อนข้างมั่นใจว่าครั้งนี้เฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม ซึ่งเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ Flow ไหลออกบ้างในช่วงก่อนที่จะรู้ผลการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,292 จุด ส่วนแนวต้าน 1,310 จุด

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ธ.ค.) ว่า SET วันศุกร์บวกแคบๆ / ไซด์เวย์ โดยแม้ว่าหุ้นน้ำมันยังดูไม่ดี ตามราคาน้ำมัน WTI ซึ่งลงอีก 3.4% นับจากคืนวันพุธสู่จุดต่ำสุดใหม่รอบ 6 ปี แต่เชื่อว่าจะมีแรงสะสมหุ้นกลุ่มอื่นๆ กลับ เพราะ valuations หุ้นไทยสะท้อนพื้นฐานที่อ่อนแอไปมากแล้ว เทรดที่ PE2559-KGI ที่ 13.0 เท่า และ PE2559-consensus ที่ 12.6 เท่า

ขณะที่ข่าวในประเทศเป็นบวกมากขึ้น (EASA ไม่แบนสายการบินของไทยไปยุโรป) ,ยอดเก็บภาษีสรรพสามิต พ.ย. +30% จากปีก่อน และสูงกว่าเป้าจัดเก็บ 4% ยอดรูดบัตรเครดิตเริ่มผงกหัวขึ้น และธปท. ส่งสัญญาณหนี้เสียเริ่มนิ่งแล้ว มองว่าตลาดรออีก 2 ปัจจัยในสัปดาห์หน้า ได้แก่ประมูล 4G คลื่น 900 ในวันอังคาร และประชุมเฟดในวันพุธ ทั้งนี้คาด SET ฟื้นตัวหลังความชัดเจนเรื่องดอกเบี้ยเฟด คงคำแนะนำทยอยสะสมหุ้นช่วง SET แกร่งตัว

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร SMPC / ซื้อ IFEC,ASEFA

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ธ.ค.) ว่า ลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง แต่เมื่อพิจารณาจากระดับ Forward P/E ตลาดที่ระดับ 14.50 – 14.70 เท่า คิดเป็นแนวรับ 1,280 – 1,300 จุด น่าจะเป็นระดับปลอดภัยสำหรับการซื้อเก็งกำไรในระยะสั้น แนะเก็งกำไรกลุ่มสายการบิน AAV-BA-THAI ได้ปัจจัยบวกจาก EASA และ IATA คาดรายได้ธุรกิจสายการบินปี 59 ยังอยู่ในทิศทางบวก

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ธ.ค.) ว่า SET มีโอกาสฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นคาดอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากประเด็นเดิม ซึ่งคาดตลาดรับรู้ไปบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา

ด้านปัจจัยในประเทศคาดราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงาน รวมถึงภาพรวม Fund Flow จากแรงขายสุทธิต่างชาติที่มีต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยอดขายสุทธิสะสมเพิ่มต่อเนื่อง อยู่ในระดับที่สูงเกือบ 125,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในช่วงปลายปี คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง โดยเฉพาะจากต่างชาติ แต่คาดได้รับการชดเชยบ้างจากเม็ดเงิน LTF / RMF

หุ้นแนะนำ: TOP

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ธ.ค.) ว่า ทิศทางดัชนี SET ที่ลงมาต่ำกว่า 1,300 จุด มองว่าน่าจะขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุด หลังมีสัญญาณในเชิงเปรียบเทียบระหว่างสัดส่วนของดัชนี MSCI Thailand กับ MSCI Asia Ex Japan เริ่มลงมาใกล้ระดับในเดือน ธ.ค. 57

โดยมองดัชนี SET จะดีดตัวกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดแต่ยังไม่แรง จากแรงหนุนทั้งดัชนีในภูมิภาคและผลของ EASA โดยมีแนวต้านที่ 1,310-1,315 จุด แนวรับที่ 1,294-1,290 จุด

Back to top button