พาราสาวะถี
บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าขบวนการที่จะยึดยื้อผลการเลือกตั้ง เพื่อหวังผลอย่างหนึ่งอย่างใดทางการเมือง ยังคงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง
บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าขบวนการที่จะยึดยื้อผลการเลือกตั้ง เพื่อหวังผลอย่างหนึ่งอย่างใดทางการเมือง ยังคงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง จะเรียกว่าตีเนียนหรืออย่างหนาก็ไม่น่าจะต่างกัน เคยพูดไว้ว่าจะมีการรับรอง ส.ส.ให้ได้ร้อยละ 95 เพื่อนำไปสู่การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้วเข้าสู่กระบวนการต่าง ๆ ตามข้อกฎหมายภายในกรอบเวลาที่ว่า กกต.จะต้องรับรองผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน แต่จำนวน ส.ส.ที่ได้รับการรับรองนั้นจะออกมาในรูปแบบไหนนั่นก็อีกเรื่อง
ตามข่าวที่เล็ดลอดบอกเป็นข้อมูลไปแล้วว่าจะมีการรับรอง ส.ส.ให้ได้ 475 คนไปก่อน แล้วจะมี ส.ส.ถูกแขวน 25 คนเป็นอย่างน้อย สอดคล้องกับ อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.บอกว่า ขณะนี้ กกต.กำลังพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ อยู่เพื่อความละเอียด รอบคอบ ไม่ให้ซ้ำรอยกรณีการแจกใบส้ม สุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่เมื่อปี 2562 จน กกต.ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า 70 ล้านบาท และแพ้มาแล้วทั้งในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
ประธาน กกต.ย้ำว่ามีเรื่องร้องเรียนที่กำลังพิจารณาเป็นพิเศษอยู่จำนวนกว่า 20 เรื่อง เห็นไหมว่ามันเข้าเค้ากับสิ่งที่บอกไปก่อนหน้า เพราะถ้าจำนวน ส.ส.ที่ถูกร้องและอาจถูกแขวนทั้งหมดอยู่ในซีก 313 เสียงของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปมเสียงข้างมากไม่ใช่ปัญหา แต่จะหนักหนาสาหัสสำหรับการขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ลากตั้งเพื่อให้ได้ 376 เสียงในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อาจก้าวไปไม่ถึงฝัน
ล่าสุด คุณแหล่งข่าวจาก กกต.ก็เปิดประเด็นใหม่อีกแล้ว และชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่งว่ากันด้วย “คะแนนเขย่ง” มันอะไรกันอีกแล้ว จากที่เลือกตั้งหนก่อนมีปัญหา “บัตรเขย่ง” กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับคะแนนของ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยมีรายงานว่าสำนักงาน กกต.จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุม กกต.ทั้ง 6 คนพิจารณาสั่งนับคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ เนื่องจากพบว่ามีบางหน่วยผลคะแนนไม่เท่ากับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง
ความผิดปกติที่พบก็คือ ลักษณะเหมือนกับว่าผู้มาลงคะแนนกับจำนวนบัตรตรงกัน เมื่อตรงกัน เวลานับคะแนนก็ควรจะถูกต้องด้วย ซึ่งกรณีนี้สันนิษฐานว่าอาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการขีดซ้ำ หรือลืมขีดตอนขานคะแนน ส่งผลให้คะแนนออกมาไม่ตรงกับจำนวนคนที่มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรเลือกตั้ง แบบนี้เรียกว่า คะแนนเขย่งไม่ใช่บัตรเขย่ง เอาอีกแล้วทำไมจึงมีปัญหากันมากและแก้กันไม่ตกกับหน่วยนับคะแนนและกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ทั้งที่ กกต.ก็คุยนักคุยหนาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเลือกตั้งปี 2562
เมื่อเป็นเช่นนี้คงหนีไม่พ้นข้อครหาของสังคม มันจะเข้าข่ายกับการตีความเรื่องการคำนวณ ส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์ครั้งที่แล้ว จนได้ ส.ส.ปัดเศษและ ส.ส.เอื้ออาทรหรือไม่ กรณีของคะแนนเขย่งนี้มีความสำคัญกับคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองในส่วนของ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากต้องนำคะแนนของทุกหน่วยเลือกตั้งมาคำนวณเพื่อหาจำนวน ส.ส. ทศนิยมอาจวิ่งไปวิ่งมาได้ทุกพรรค อย่างไรก็ตาม การสั่งให้นับคะแนนใหม่ไม่ได้สั่งให้นับทั้งหมด จะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น
ขณะเดียวกัน อาจมีคำถามตามมาว่า หากมีปัญหาในส่วนของการนับคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทำไมไม่รับรอง ส.ส.เขตกันไปก่อน จะต้องรออะไรทั้งที่การเลือกตั้งผ่านมากว่า 20 วันแล้ว มีการอ้างว่าตามขั้นตอน กกต.จะต้องสืบสวนข้อเท็จจริง เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 127 กำหนดว่า การเลือกตั้งทั่วไป กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตได้เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด
เวลานี้มีผู้สมัครที่เป็นว่าที่ ส.ส.กว่า 20-30 คนถูกยื่นร้องให้ตรวจสอบ จึงเป็นสาเหตุที่ กกต.ไม่อาจทยอย หรือแยกประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.บางเขตไปก่อนได้ ส่วนคำร้องเรียนกรณีของผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็มีผล ถ้าในเขตเลือกตั้งนั้นผู้สมัครซื้อเสียงให้กับผู้สมัครบัญชีรายชื่อด้วย เท่ากับว่าคะแนนเขตของพรรคนั้นจะเสียไป จะมีผลต่อคะแนนบัญชีรายชื่อ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กันทั้งประเทศ คุณแหล่งข่าวอธิบายเป็นฉาก ๆ อย่างนี้ ทำไมประธาน กกต.หรือเลขาธิการกกต.ไม่ตั้งโต๊ะแถลงให้มันกระจ่าง คนจะไม่ได้ต้องมาตั้งข้อกังขาเช่นที่เป็นอยู่
ความคลุมเครือเช่นนี้มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนไม่ศรัทธา ไม่เชื่อถือต่อองค์กร การมาเรียกร้องว่าอย่าวิจารณ์ ด้อยค่าสำนักงานและกรรมการ กกต. พร้อมขู่ฟ้องเอาผิดทางกฎหมาย จึงไม่ใช่หนทางของการที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน เหมือนกรณีพิธาถูกร้องเรียนเรื่องถือหุ้นสื่อ ที่มีคนไปโพนทะนาว่าหากถูกตัดสินว่าผิด จะมีผลไปถึงการเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกลในฐานะหัวหน้าพรรค และจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมในส่วนที่ผู้สมัครของก้าวไกลได้รับเลือกตั้งทั้งหมดด้วย
ถือเป็นการตีกินและสร้างกระแสให้คนตื่นตระหนก จนกระทั่ง พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา ส.ว.ในฐานะอดีตเลขาธิการ กกต. ได้ออกมาโพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว คนจึงถึงบางอ้อ ในกรณีหัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิ์เพราะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.จากการถือหุ้นสื่อ แต่การรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้งในฐานะหัวหน้าพรรคไม่เป็นโมฆะและไม่ทำให้ผู้สมัครของพรรคพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ด้วย เพราะหัวหน้าพรรคไม่มีกฎหมายห้ามถือหุ้นสื่อ
อดีตเลขาฯ กกต.ที่เคยเป็นอดีตนายทะเบียนพรรคการเมืองยืนยันอย่างนี้ ก็ต้องรอดูผลการวินิจฉัยของ กกต.ชุดนี้ว่าจะเป็นไปในแนวทางใด โดยที่ ไพศาล พืชมงคล ได้เตือนแรง ๆ ไว้น่าสนใจ การออกความเห็นทางกฎหมายนั้นถ้าเป็นการออกความเห็นเพื่อเอาใจใคร หรือออกความเห็นโดยตั้งตนเป็นฝักฝ่ายกับฝ่ายใดและไม่ตั้งอยู่ในหลักแห่งกฎหมายแล้ว ความเห็นนั้นย่อมวิปริตฟั่นเฟือนไป และจะเป็นการทำร้ายบ้านเมืองและประชาชนอย่างน่าอเนจอนาถ