พาราสาวะถี
คู่ขนานกับการลุ้นปมถือหุ้นสื่อของ พิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คงเป็นประเด็นการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของ 6 กกต.ที่ยังเงื้อง่าราคาแพง
คู่ขนานกับการลุ้นปมถือหุ้นสื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คงเป็นประเด็นการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของ 6 กกต.ที่ยังเงื้อง่าราคาแพง ด้วย 2 เหตุผลที่อ้างว่าสำคัญคือ คะแนนเขย่งในส่วนของ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กับเรื่องร้องเรียน ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ว่ามีมูลกว่า 20 ราย หรืออาจจะทะลุไปถึง 30 ราย เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงเข้าข่ายตามเงื่อนไขกฎหมายรับรอง ส.ส.เขตต้องให้ได้ไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ จึงยังไม่สามารถทยอยประกาศตามที่มีเสียงเรียกร้องได้
มาถึงนาทีนี้มีแนวโน้มว่า หากจะมีการปล่อยผ่านเพื่อให้จำนวน ส.ส.เขตผ่านการรับรองจนนำไปสู่การเปิดประชุมสภาได้ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการต่าง ๆ ให้ประเทศได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า มีคำถามตัวโตแล้ว ส.ส.ที่จะถูกดองเพื่อการตรวจสอบที่รอบคอบของ กกต.จะเป็นของพรรคการเมืองใด ฝ่ายไหน สมมติเป็นของก้าวไกลทั้งหมด ก็จะส่งผลให้พิธาตกสวรรค์ไม่ต้องรอกระบวนการวินิจฉัยเรื่องหุ้นสื่อ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เสียง ส.ส.ที่จะเข้าสู่กระบวนการทางสภา ก้าวไกลจะกลายเป็นพรรคอันดับสองในทันที
ในที่นี้ หมายความว่าเพื่อไทยก็จะขยับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งด้วยจำนวน ส.ส.ที่ได้รับการรับรองมีมากกว่าก้าวไกล ตรงนี้ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลถ้ายังคงจับมือกันแน่นสำหรับ 8 พรรคร่วม คงต้องมาประเมินท่าที และการสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ กันอีกรอบ ยังคงจะเป็นพิธาหรือว่าเป็นคนของเพื่อไทย ในเมื่อคะแนนเสียง ณ เวลานั้นมันเปลี่ยนไปจากเดิม และเสียงก็ไม่ใช่ 312 เสียง เป็นเพียงเสียงข้างมากในสภาเท่านั้น
อาจจะต้องไปหาพรรคอื่นมาเติม ฟังที่ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์ เรื่องโอกาสที่จะไปดึงพรรคการเมืองที่ไม่ได้ร่วมลงนามในเอ็มโอยูมาช่วยหนุนพิธาหรือแคนดิเดตฝั่งประชาธิปไตยให้ได้เป็นนายกฯ พอจะมองเห็นความเป็นไปได้คือไม่ใช่การปิดประตูตายเสียทีเดียว เพียงแต่อาจจะมีเงื่อนไขขอเสียงสนับสนุนให้ผ่านช่วงโหวตเลือกนายกฯ ไปก่อน ส่วนจะดึงเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ค่อยไปคุยกันอีกที ถึงนาทีนั้น บรรดากองเชียร์เห็นถึงน้ำใจเพื่อนนักการเมืองก็อาจจะไม่ติดใจว่าเคยหนุนเผด็จการสืบทอดอำนาจมาก็เป็นได้
อีกแนวทางจะเป็นการใช้วิธีการของขบวนการสืบทอดอำนาจคือ เลือกจิ้ม ส.ส.ในซีกของพรรคฝ่ายค้าน ด้วยข้อเสนอ เงื่อนไขอาจไม่ใช่การแจกกล้วย แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์เพื่อเข้าสู่อำนาจฝ่ายบริหารไปแล้ว แนวทางนี้พรรคที่ร่วมตั้งรัฐบาลกับก้าวไกลหลายพรรคน่าจะมีความถนัดในการเจรจา ประเภทไก่เห็นตีนงูกันทั้งนั้น อาจดูขัดกับหลักการที่พรรคเลือดใหม่วางเป้าหมายไว้ เมื่อหวังผลในสิ่งที่ใหญ่กว่าและต้องการจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้ได้ การยอมหลิ่วตาในบางเรื่องทางการเมืองถือว่าจำเป็น
ดังนั้น ประเด็นการหารือกันของคณะกรรมการประสานงานการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลที่ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลตั้งขึ้น โดยมีพิธานั่งเป็นประธานเอง ซึ่งนัดคุยกันครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยไปเมื่อวันวาน ต่อด้วยการถกกันของหัวหน้าทั้ง 8 พรรคในวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน เรื่องเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรกับการจัดสรรโควตารัฐมนตรีในรัฐบาลนั้น จึงจะมีการหยิบยกประเด็นจำนวน ส.ส.ที่จะผ่านการรับรองของ กกต.มาถกเพื่อวางแนวทางของการเตรียมการตั้งรัฐบาลด้วย
จากที่เคยคุยกันไว้ ผู้นำฝ่ายบริหารก้าวไกลได้ไปแล้ว ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติก็ควรเป็นของเพื่อไทย อาจจะกลับข้างหากจำนวน ส.ส.ที่ผ่านการรับรองเป็นไปตามที่มีการคาดหมายกันไว้ ถ้าเข้าสูตรนี้ผู้ที่จะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ แทนพิธาคงหนีไม่พ้น เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตของเพื่อไทย มองจากคุณสมบัติและการตอบรับจากภาคเอกชน นักธุรกิจ ไม่น่าจะต่างจากพิธามากนัก อาจจะดีกว่าในแง่มุมมองจากชนชั้นอีลิท รวมไปถึงการดึงคะแนนเสียงจาก ส.ว.ลากตั้งด้วย
ในกรณีนี้ไม่ได้มีการถกกันเพื่อที่จะพลิกเกม แต่ยังยืนหยัดจับมือกันเหนียวแน่นในซีกของ 8 พรรคร่วมเท่านั้น ทางเพื่อไทยก็จะได้เสนอแนวทางเรื่องการดึงบางพรรคการเมืองเข้าร่วมเพื่อที่จะก้าวพ้นปัญหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. เพราะถ้าเสียงข้างมากตั้งต้นน้อยกว่า 312 เสียงที่ควรจะเป็นแล้ว การจะเดินสายขอคะแนนสนับสนุนจาก ส.ว.ก็ยิ่งจะยากขึ้นอีกเท่าตัว การดึงพรรคการเมืองอย่างพลังประชารัฐมาเป็นพวกจึงน่าจะทำให้เหนื่อยน้อยลง และมีความเป็นไปได้ที่จะเดินไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จมากกว่า
ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ชูประเด็นก้าวข้ามความขัดแย้งในการเลือกตั้งหนนี้ ขณะที่ชัยธวัชและหลายคนของพรรคก้าวไกลก็มองว่าผลจากการเลือกตั้งหนนี้ น่าจะนำไปสู่การยุติความขัดแย้งทางการเมืองได้ การใช้บริการของพรรคสืบทอดอำนาจจึงน่าจะเป็นทางออกที่การันตีความปลอดภัยเรื่องเสียงโหวตเลือกนายกฯ จากที่ประชุมรัฐสภาได้ เพียงแต่ว่าเงื่อนไข การเจรจาและคำอธิบายที่จะต้องชี้แจงต่อ 14 ล้านเสียงที่เลือกก้าวไกล รวมถึงกว่า 10 ล้านเสียงที่หนุนเพื่อไทยให้เข้าใจถึงการตัดสินใจดังกล่าว
เท่าที่มีรายงานจากวงในซึ่งได้ส่งมือประสานสิบทิศในซีกของพรรคร่วมตั้งรัฐบาลไปเจรจากับ ส.ว.ลากตั้งแล้ว หากจะต้องโหวตเลือกพิธาเป็นนายกฯ เสียงอาจจะได้เต็มที่ไม่เกิน 40 เสียง เมื่อรวมกับ 312 เสียงยังห่างไกล และยิ่ง กกต.ไม่รับรองผลว่าที่ ส.ส.ของก้าวไกลหรือซีกตั้งรัฐบาลก็ยิ่งเป็นงานยากเข้าไปอีก จึงเป็นโจทย์ที่ฝ่ายเจรจาต้องส่งสัญญาณกลับมายังผู้มีอำนาจตัดสินใจของแต่ละพรรคให้ปรับเปลี่ยนสูตรการเมืองที่คิดว่าจะรับรองผลการโหวตได้แน่นอนดีกว่า
ส่วนประเด็นที่ว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะได้กลับคืนสู่เก้าอี้ผู้นำประเทศอีกคำรบแทบจะไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว การโหมโรงเรื่องหุ้นสื่อของพิธา และท่าทีของ กกต.ต่อการรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส. จึงเป็นเหมือนตัวเร่งให้กระบวนการพิจารณาของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล เพิ่มตัวเลือกในทางเดินเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายของการปิดสวิตช์ ส.ว.และปิดทางคนอยากอยู่ยาวให้ได้ แต่อีกแนวทางที่ไม่มีใครอยากให้เกิดนั่นก็คือ หากมีการใช้เล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมายกันเพื่อหวังจะพลิกเกมให้ได้ ปลายทางก็คงหนีไม่พ้นการออกมาต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย ที่ไม่มีใครกล้ารับประกันว่ามันจะกลายเป็นกลียุคถึงขั้นนองเลือดหรือไม่