การตัดสินใจของอีซีบีอาจเป็นผลดีต่อตลาด?

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เปลี่ยนแปลงโครงการซื้อสินทรัพย์หลายอย่างเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพื่อพยายามป้องกันไมให้เงินเฟ้อลดลงและกระตุ้นการเติบโตที่กำลังซบเซาในขณะเดียวกันได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ติดลบลงไปอีก


ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เปลี่ยนแปลงโครงการซื้อสินทรัพย์หลายอย่างเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพื่อพยายามป้องกันไมให้เงินเฟ้อลดลงและกระตุ้นการเติบโตที่กำลังซบเซาในขณะเดียวกันได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ติดลบลงไปอีก

มาริโอ ดรากี้ ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า จะขยายเวลาในการซื้อพันธบัตร 60,000 ล้านยูโรต่อเดือนไปจนถึงเดือนมีนาคม 2560 เป็นอย่างน้อยและอีซีบีจะนำเงินต้นที่ชำระคืนหลักทรัพย์ที่ซื้อภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณไปลงทุนใหม่ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพคล่องและจะรวมตราสารหนี้ยูโรโซนในท้องถิ่นและในภูมิภาคเข้าไปในโครงการด้วย อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางยุโรปไม่ได้เพิ่มมูลค่าพันธบัตรที่จะซื้อในแต่ละเดือนโดยก่อนหน้านั้นมีการคาดการณ์กันว่าอีซีบีคงจะซื้อพันธบัตรเพิ่มเป็น 70,000 ล้านยูโรต่อเดือน 

อีซีบียังได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีกประมาณ 0.10% ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากลงไปติดลบเพิ่มอีกเป็น -0.3% จาก -0.2% แต่ได้คงดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์หรือดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายสำหรับเงินกู้จากธนาคารกลางยุโรปไว้ที่ 0.05% เหมือนเดิม นอกจากนี้ยังได้ปรับการคาดการณ์เงินเฟ้อลงเหลือ 1% สำหรับปี 2559 และเหลือ 1.6% สำหรับปี 2560

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สนับสนุนการเคลื่อนไหวของอีซีบีและกล่าวว่า ธนาคารกลางควรจะส่งสัญญาณอย่างแข็งแกร่งต่อไปว่าจะดำเนินการและใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีจนกว่าจะสร้างเสถียรภาพราคาได้

อย่างไรก็ดี ตลาดผิดหวังมาตรการของอีซีบี ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยแข็งค่าขึ้นไป 2%จนมีการซื้อขายกันที่ 1.0864 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นก็ปรับตัวลง ดัชนีสต็อกซ์ 600 ปิดตลาดลดลงในวันนั้น 3%

ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกว่า ธนาคารกลางยุโรปไม่สามารถทำตามที่ตลาดคาดการณ์เกี่ยวกับการสร้างความแข็งแกร่งให้กับการผ่อนคลายเชิงปริมาณ อย่างน้อยก็มีนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่บอกว่า จริงๆแล้วมันอาจเป็นผลดีต่อตลาด

ซามานธาอัซซาเรลโล นักกลยุทธ์ของเจพี มอร์แกน กล่าวว่า การที่อีซีบีนำเงินต้นไปลงทุนใหม่และขยายประเภทหลักทรัพย์ที่จะซื้อ เป็นผลดีในระยะยาวและอาจดีต่อยุโรปในแง่ของแนวโน้มมหภาค

ในขณะที่มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ตลาดเคลื่อนไหวไปจนปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เจเน็ต เยลเล็น ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงโฟกัสว่าอะไรเกิดขึ้นในยุโรปและหากเฟดรู้สึกมั่นใจและตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม อาซซาเรลโลก็คิดว่าตลาดอาจดีดตัวขึ้นไปจนถึงปลายปี

“ส่วนหนึ่งมันเป็นปัจจัยเรื่องความเชื่อมั่น และเป็นการเคลื่อนไหวกลับไปสู่ภาวะปกติ เราจึงมองว่ามันเป็นบวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายทั่วโลกเป็นจำนวนมากที่กำลังหนุนสินทรัพย์เสี่ยง” อาซซาเรลโร กล่าว

สำหรับความเห็นที่ว่า การขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมของธนาคารกลางสหรัฐอาจจะทำให้ตลาดผิดหวัง อาซซาเรลโล กล่าวว่า ตลาดไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องแล้ว และคิดว่า อัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์เป็นมาตรการฉุกเฉิน เศรษฐกิจไม่ได้ต้องการมาตรการฉุกเฉินอีกต่อไปถึงแม้ว่ามันอาจจะโตติดๆขัดแค่ 2%

มาร์ก ฮาเฟล ซีไอโอของยูบีเอสเวลธ์แมเนจเมนต์กล่าวว่า อาจมีสามเหตุผลที่อีซีบีเลือกผ่อนคลายนโยบายเพิ่มอีก เหตุผลข้อแรกคือ เนื่องจากความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางมีความสำคัญต่อการกำหนดการคาดหวังในตลาดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อ อีซีบีจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เหตุผลข้อที่สองคือ การปรับตัวลงมาใหม่ของราคาน้ำมันนับตั้งแต่มีการประกาศโครงการคิวอี ได้ทำให้เงินเฟ้อกลับสู่ภาวะปกติช้าไปอีก และเหตุผลข้อสาม ความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ได้ทำให้อีซีบีมองความสมดุลของความเสี่ยงต่างๆเปลี่ยนไป

ฮาเฟลคิดว่า มาตรการของอีซีบีควรจะทำให้ต้นทุนในการกู้ยืมยังคงต่ำลงเป็นเวลานานขึ้นซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและทำให้นักลงทุนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและคาดว่า โครงการคิวอีจะมีผลกระทบในทางบวกต่อไปและการขยายโครงการในครั้งนี้ ควรจะทำให้ผลกระทบในทางบวกแข็งแกร่งขึ้น

Back to top button