APCO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 50% รับยอดขาย “นวัตกรรมชะลอวัย” ขยายตัว

APCO มั่นใจรายได้ปี 66 โต 30-50% รับสินค้ากลุ่มนวัตกรรมย้อนวัย ชะลอวัย, บำบัดมะเร็ง, Bye Bye HIV/AIDS ขยายตัว รุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มฐานลูกค้าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์


ศ. ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/66 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งนวัตกรรมย้อนวัย ชะลอวัย, ภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง และโครงการ Bye Bye HIV/AIDS

โดยบริษัทเดินหน้าทำการตลาดเร่งยอดขายนวัตกรรมวัฒนชีวาต่อเนื่อง ให้สมาชิกผู้บริโภคเป็นทูตสุขภาพ แนะนำให้เพื่อนมีชีวี 100 ปีมีสุข พร้อมมอบสมนาคุณทูตสุขภาพที่แนะนำเพื่อนได้มากเกินกว่าเป้า มีโอกาสเข้าร่วมบริหารการตลาดของ APCO ช่วยสร้างสังคมมั่นคงยั่งยืน ในลักษณะของบริษัทมหาชนร่วมสร้างโดยมหาชน

ขณะเดียวกัน บริษัทพัฒนานวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่ออาการของผู้ป่วยได้อย่างกว้างขวาง ตั้งเป้าผลักดันยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ จากความสำเร็จของโครงการ Bye Bye HIV/AIDS เป็นครั้งแรกโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัสก่อนนักวิทยาศาสตร์อื่นทั่วโลก ปัจจุบัน APCO สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อ Bye Bye HIV แล้ว 33 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแนวทางสร้างประวัติศาสตร์การรักษา HIV/AIDS เป็นครั้งแรกด้วยนวัตกรรมแห่งชาติไทย เตรียมขยายฐานสู่ผู้ติดเชื้อทั่วโลก โดยใช้สื่อ TIK TOK รณรงค์ Bye Bye HIV ให้ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเดินทางเข้ามารับการบริการจน Bye Bye HIV ได้ และอยู่ระหว่างเตรียมลงนามสัญญาแต่งตั้งให้ บริษัท NP Holdings จำกัด ให้เป็นผู้จัดการโครงการ Bye Bye HIV/AIDS

อีกทั้งในเดือนมิถุนายน APCO ได้แต่งตั้งให้ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง และเร่งการทำงานวิจัยในสัตว์เลี้ยงเพื่อนำผลการวิจัย สนับสนุนการจำหน่ายในต่างประเทศ

ทั้งนี้ จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว และการวิจัยพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าบริษัทจะสามารถบรรลุเป้าหมายมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 30-50% ในปี 2566

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 83.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 56.04 ล้านบาท จำนวน 27.11 ล้านบาท หรือ 48.38% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 33.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.31 ล้านบาท  จำนวน 17.98 ล้านบาท หรือ 120%

นอกจากนี้ บริษัทสามารถบริหารต้นทุนการผลิต และการขายได้เป็นอย่างดี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 82% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 80.23%

Back to top button