พาราสาวะถี
ประเด็นร้อนเรื่องรายงานการประชุมและคลิปบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นกรณีไอทีวี ต้องยอมรับความจริงกันว่า ยิ่งสาวยิ่งทำให้เห็นความเป็น “ขบวนการ”
ประเด็นร้อนเรื่องรายงานการประชุมและคลิปบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นกรณีไอทีวี ต้องยอมรับความจริงกันว่า ยิ่งสาวยิ่งทำให้เห็นความเป็น “ขบวนการ” หากจะพูดให้ถูกต้องประเด็นนี้คนอย่าง “โกตั๊บ” สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของระบอบสนธิ-จำลอง น่าจะช่วยให้อธิบายได้ว่านี่มันเป็นความร่วมมือระหว่าง ทุนสามานย์ กับ ขบวนการโสมม ใช่หรือไม่ เพื่อที่จะสกัดไม่ให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และเขี่ยพรรคก้าวไกลให้พ้นไปจากเส้นทางแกนนำตั้งรัฐบาล
อย่าลืมเป็นอันขาดนโยบายสำคัญของพรรคก้าวไกลที่จะดำเนินการ พวกที่เสียผลประโยชน์อยู่ในกลุ่มธุรกิจหลักของประเทศ และได้รับอานิสงส์เติบโตกันอย่างเต็มที่ในยุคเผด็จการ คสช.เรืองอำนาจ ต่อเนื่องถึงการสืบทอดอำนาจ ดังนั้น ความผิดปกติที่ปรากฏจึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ และจะเป็นบทพิสูจน์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องบริษัทจดทะเบียนต้องมีธรรมาภิบาล เพราะงานนี้มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นเรื่องการสมคบคิดหวังผลทางการเมือง
การสืบค้นข้อมูลสแกนต้นตอของปัญหา ตัวบุคคลที่จุดประเด็นและนำไปสู่เอกสารเพื่อใช้ประกอบการชี้ความผิดพิธาว่าด้วยถือหุ้นไอทีวียังประกอบกิจการสื่อหรือไม่ มันทำให้เห็นเบื้องลึกของการรวมหัวด้วยปัจจัยผลประโยชน์ทางธุรกิจและทางการเมือง บอกไว้แล้วว่าวิชามาร ความโสมมของพวกที่เสียโอกาสและทำท่าว่าจะสูญประโยชน์มหาศาลหากพิธาและก้าวไกลตั้งรัฐบาลได้สำเร็จนั้น จะถูกงัดออกมาใช้สารพัดรูปแบบ
จึงไม่แปลกที่ผ่านการเลือกตั้งมาครบ 1 เดือนเต็มแล้ว กกต.ยังไม่มีการประกาศรับรองผล ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ยินได้ฟังสปิริตจากคู่แข่งทางการเมืองในซีกขั้วอำนาจเดิม แสดงความยินดีกับชัยชนะของพรรคก้าวไกลและพิธาในฐานะหัวหน้าพรรค มันผิดวิสัยของการเมืองในรูปแบบประชาธิปไตย ถือเป็นภาพสะท้อนอย่างชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่แค่การรอส้มหล่น แต่มองกันไปถึงการพลิกเกมจากผู้แพ้ให้มาเป็นผู้ชนะอีกกระทอก
การปูดประเด็นที่ว่าด้วยจะเกิดโคตรงูเห่าของนักประชาธิปไตยจอมปลอมที่ธาตุแท้คือลูกไล่ หรือขี้ข้าเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น ไม่ใช่การอาจเกิดสถานการณ์ตามสัญชาตญาณ หากแต่เป็นข้อมูลที่ผ่านการแลกเปลี่ยนหรือถูกส่งมาจากระดับนำของแก๊ง 3 ป. ชี้ให้เห็นถึงความพยายามทุกรูปแบบในการปิดหนทางพิธาขึ้นเป็นนายกฯ และก้าวไกลจับมือ 7 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลสำเร็จ การจะแจกกล้วยล็อตใหญ่ขนาดนั้นได้ไม่ใช่แค่มีเงินอย่างเดียว แต่ต้องโง่ บ้าและมืดบอดทางสติปัญญาอย่างสิ้นเชิงถึงจะทำได้
อีกความพยายามที่ทำกันอยู่เวลานี้คือ การปลุกให้มีความเคลื่อนไหวต่อต้านพรรคก้าวไกลที่แสดงท่าทีต่อการแก้ไขมาตรา 112 การไปยื่นให้ ส.ว.ไม่โหวตพิธาเป็นนายกฯ ถือเป็นสิทธิ เสรีภาพที่จะแสดงออกได้ เพียงแต่ว่าต้องยอมรับเสียงวิจารณ์ของอีกฝ่ายที่จะมองว่ามีกระบวนการจัดตั้ง ว่าจ้างกันมาหรือไม่ ทั้งที่ความจริงเรื่องการแสดงความจงรักภักดีเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนสามารถแสดงออกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมามันมีเรื่องการแอบอ้างสถาบันเพื่อหวังผลทางการเมือง นี่เป็นเรื่องที่น่าห่วงเพราะเท่ากับการดึงฟ้าต่ำ
ไม่ว่าจะมีการดิ้นกันอย่างไร ดูเหมือนว่า 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลไม่ได้สนใจต่อท่วงทำนองเหล่านั้น ยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเดินไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ เพียงแต่ระหว่างทางหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแผน แต่ยังยึดแนวทางเดินไปตามฉันทามติของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ การเจรจากับพรรคการเมืองอื่นไม่ได้หมายความว่าไม่เกิดขึ้นหรือปิดประตูตายไปแล้ว เพื่อไทยในฐานะที่ผ่านศึกใหญ่มาอย่างช่ำชอง ได้พูดคุยกับระดับนำของก้าวไกลเพื่อให้ปรับท่าทีทางการเมืองไม่ใช่ยอมหักไม่ยอมงอ
หากยึดเอาแนวทางส่งเผด็จการสืบทอดอำนาจกลับบ้าน ต้องไม่เลือกวิธีว่าจะต้องเป็นไปด้วยน้ำมือของฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น บางทีอาจจะต้องยืมมือมิตรของศัตรูมาฆ่าศัตรู ยิ่งไม่ใช่มิตรแท้ด้วยแล้วย่อมที่จะเพิ่มโอกาสที่จะทำสำเร็จด้วย จากที่เคยตั้งการ์ดสูงตามรายงานพบว่าแกนนำทั้งที่เป็นตัวหลักในก้าวไกล และผู้กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลัง เริ่มที่จะฟังข้อเสนอของเพื่อไทยมากขึ้น เพียงแต่ว่าต้องการความมั่นใจตกลงกันไปแล้ว จะไม่ถูกหลอกเหมือนที่นายใหญ่ของพรรคอันดับสองเคยโดนมาแล้ว
ส่วนการประเมินความเป็นไปได้ในการรับรองผลการเลือกตั้งของ กกต. ทั้ง 8 พรรคเห็นตรงกันว่า ยังไงพิธาก็จะได้เป็น ส.ส.แน่นอน แต่จะได้เป็น ส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล หรือจำนวน ส.ส.ของพรรคก้าวไกลจะลดลงจากการแขวนของ กกต. ตรงนี้การข่าวที่เล็ดลอดมาจากวงในของฝ่ายที่จะรับรอง ค่อนข้างชัดว่า เรื่องร้องเรียนที่มีการเปิดข้อมูลว่ากว่า 20 รายนั้น แทบทั้งหมดเป็นคนของพรรคอันดับหนึ่งในเวลานี้
นั่นก็หมายความว่า หากมีการรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างน้อยร้อยละ 95 ขึ้นไป เพื่อเปิดประชุมสภาและนำไปสู่ขั้นตอนการเลือกนายกฯ 8 พรรคร่วมจะไม่ใช่ 312 เสียง แต่ก็ยังถือเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอยู่ดี ที่ต้องติดตามกันต่อไปคือ คนที่จะได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาฯ มีการวิเคราะห์กันว่า หากเป็นคนของก้าวไกลก็หมายความว่าพิธาจะได้เป็นนายกฯ และก้าวไกลเป็นแกนนำรัฐบาล แต่หากเป็นคนของเพื่อไทย ก็จะเข้าไปสู่เงื่อนไขทางการเมืองอีกแบบ
แคนดิเดตนายกฯ ที่จะได้รับเลือกมีแนวโน้มว่าจะเป็นคนของเพื่อไทย ซึ่งคงหนีไม่พ้น เศรษฐา ทวีสิน ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวต ส่วนเสียงที่จะสนับสนุนลำพัง 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลปัจจุบันไม่เพียงพออย่างแน่นอน แรงหนุนจาก ส.ว.รวบรวมอย่างไรก็ไม่ถึง 376 เสียงเด็ดขาด สุดท้ายก็ต้องใช้บริการพรรคสืบทอดอำนาจหรือไม่ก็ภูมิใจไทย แต่ความเป็นไปได้จนถึงวินาทีนี้จากวงเจรจาน้ำหนักเทไปที่พรรคของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. เพราะไม่ได้หวังแค่คอนเนคชั่นสั่ง ส.ว.ลากตั้งให้ยกมือโหวตเท่านั้น แต่ยังหมายถึงกลุ่มอีลิทส่วนหนึ่งที่พร้อมจะออกหน้าการันตีรัฐบาลสูตรนี้เช่นกัน