แรงขาย “กลุ่มแบงก์” ฉุด SET ปิดลบ 11 จุด คาดพรุ่งนี้ซึมต่อหลังไร้ปัจจัยหนุน
SET ปิดลบ 11 จุดจากแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์กดดันตลาดทั้งวัน และค่าเงินบาทอ่อนตัวลงมากสุดในรอบ 4 เดือน หลังภาพการเมืองในประเทศไม่แน่นอนจากการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ได้ข้อยุติ แนวโน้มพรุ่งนี้คาดซึมลงหลังไร้ปัจจัยหนุน พร้อมให้แนวต้าน 1,475 -1,480 จุด แนวรับ 1,460 และ 1,450 จุด
10 หุ้นกดดัชนีวันนี้
ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,466.93 จุด ลดลง 11.17 จุด (-0.76%) มูลค่าซื้อขาย 48,884.27 ล้านบาท
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังปรับลงต่อเนื่อง โดยลงไปจุดต่ำสุด (นิวโลว์) ในรอบกว่า 2 ปี (ก.พ.64) โดยมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์กดดันอย่างหนักก่อนการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 เพิ่มแรงกดดันตลาด ทำให้ Sentiment แย่ลง ตลาดขาดความเชื่อมั่น ขณะที่ปัจจัยภายนอกไม่ได้เอื้อโดยธนาคากลางสหรัฐ (เฟด) ยังเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย
ประกอบกับปัจจัยการเมืองเกิดความไม่แน่นอน หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำเกิดปัญหาที่ยังไม่รู้ว่าจะมีทางออกแบบไหน เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าในช่วงระหว่างที่ยังไม่มีความแน่นอนจะทำให้ตลาดซึมตัวต่อเนื่องจนกว่าจะคลี่คลาย อีกทั้งเสน่ห์หุ้นไทยตอนนี้ก็ไม่น่าสนใจมากแล้ว เพราะกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 94-95 บาท ตัวเลขส่งออกยังอ่อนแรงแม้ล่าสุดจะหดตัวน้อยกว่าคาด และในไตรมาส 3 ปกติก็เป็นโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว ขาดปัจจัยหนุนหลักต่อเศรษฐกิจ
แนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดตลาดยังซึมลงไร้ปัจจัยหนุน และคาดหวัง Window Dressing น้อยลง เพราะภาพการลงทุนไม่ค่อยดี ฝั่งกองทุนก็ต้องลงทุนอย่างระมัดระวังหลังได้รับผลกระทบจากหุ้น STARK ให้แนวรับที่ 1,460 และ 1,450 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,475 และ 1,480 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,994.12 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท ลดลง 6.00 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,105.01 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,104.30 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,802.10 ล้านบาท ปิดที่ 31.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,699.64 ล้านบาท ปิดที่ 103.50 บาท ลดลง 2.50 บาท