GPSC จับมือ Meranti ศึกษาโครงการพลังงานสะอาด เสริมไฮโดรเจน ป้อนโรงงานผลิตเหล็กสีเขียว

GPSC จับมือ Meranti ร่วมศึกษาโครงการพลังงานสะอาด เสริมไฮโดรเจน ป้อนโรงงานผลิตเหล็กสีเขียว แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์


ในโลกยุคใหม่ที่เทรนด์พลังงานสะอาดตอบโจทย์ทุกความต้องการโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เริ่มใช้พลังงานสะอาดในการผลิตและบริหารจัดการอุตสาหกรรมมากขึ้น นำมาซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. กับ บริษัท มีเรนติ สตีล จำกัด (Meranti Steel Pte. Ltd.) ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ ร่วมศึกษาพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด ป้อนโรงงานผลิตเหล็ก เน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เสริมด้วยพลังงานไฮโดรเจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเหล็กคุณภาพสูง โดยคาดว่ามีความต้องการใช้ไฟฟ้าประมาณ 150 เมกะวัตต์ มุ่งสู่การเป็นโรงงานผลิตเหล็กสีเขียวแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สู่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดร.รสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า GPSC ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท มีเรนติ สตีล จำกัด (Meranti Steel Pte. Ltd.) ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด และระบบบริหารจัดการด้านพลังงานเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย Meranti มีแผนที่จะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเหล็กคุณภาพสูงในไทย เน้นใช้พลังงานสะอาด ทั้งในกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม โดยคาดว่าจะมีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าประมาณ 150 เมกะวัตต์

“นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของ GPSC และ Meranti ในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมพลังงาน ที่มีการผสมผสานการใช้พลังงานหมุนเวียน และการนำพลังงานด้านไฮโดรเจนซึ่งเป็นเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต มาเพิ่มประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากที่สุด สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ กำหนดแผนการศึกษาโดยใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี โดย GPSC จะเป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการ และการพัฒนาโครงการด้านพลังงานสะอาด เพื่อให้การบริหารต้นทุนด้านพลังงานสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว รวมถึงการพัฒนาโซลูชั่นด้านพลังงานที่เหมาะสม และเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย โดยในขั้นตอนการศึกษาของโครงการดังกล่าว ยังรวมไปถึงการพัฒนาความร่วมมือจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในอนาคตอีกด้วย” ดร.รสยากล่าว

มร. เซบาสเตียน แลนเกนดอร์ฟ (Mr. Sebastian Langendorf) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเรนติ สตีล จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ GPSC ผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ในการดำเนินโครงการแห่งแรกในครั้งนี้ โดยมุ่งหวังสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทย ที่สามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทมีแผนในการจัดตั้งโรงงานเหล็กในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยจะมีการจัดตั้งโรงงานขนาดกำลังผลิต 2 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในครึ่งปีหลังของปี 2570 ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ประกอบกับแนวคิดนวัตกรรมพลังงานและการจัดการความยั่งยืน จะส่งผลให้โรงเหล็กแห่งนี้ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3 ล้านตันต่อปีเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม”

Back to top button