หุ้นเหมืองแร่-พลังงานร่วงนำ หุ้นยุโรปปิดวานนี้ปรับตัวลง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากราคาหุ้นเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันพุธนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิด (14 ธ.ค.) ที่ 349.54 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,473.07 จุด ลดลง 76.49 จุด หรือ -1.68%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,139.34 จุด ลดลง 200.72 จุด หรือ -1.94% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,874.06 จุด ลดลง 78.72 จุด หรือ -1.32%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเกลนคอร์ และหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ร่วงลงราว 6.3% ขณะที่หุ้นทุลโลว์ ออยล์ และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 3.5%
หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทจะปลดพนักงานออกจำนวน 2,800 คน หลังการควบกิจการกับบีจี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของอังกฤษ ในปีหน้า โดยการประกาศปลดพนักงานในครั้งนี้ มีขึ้นในวันเดียวกับที่ทางการจีนอนุมัติการควบรวมกิจการของเชลล์และบีจีอย่างไม่มีเงื่อนไข หลังจากที่บราซิล สหภาพยุโรป สหรัฐ และออสเตรเลียให้การอนุมัติก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (Eurostat) ที่ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนก.ย.
ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ในวันพุธนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ