ค่าเงินบาทกับธปท.
ล่าสุดทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของไทยทะลุผ่าน 9 เดือนของยอดนำเข้า ซึ่งสูงมากสถิติใหม่เป็นเศรษฐีใหม่เมื่อเทียบกับตัวเลขนำเข้าเดือนเมษายน
ล่าสุดทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของไทยทะลุผ่าน 9 เดือนของยอดนำเข้า ซึ่งสูงมากสถิติใหม่เป็นเศรษฐีใหม่เมื่อเทียบกับตัวเลขนำเข้าเดือน เมษายนปีนี้ที่ระดับ 8.7 เท่า หรือภายใน 8 เดือน
สิ่งที่ไม่อาจจะปฏิเสธก็คือว่าเกิดจากค่าบาทที่อ่อนยวบเทียบกับค่าดอลลาร์สหรัฐ ที่หลุดจากระดับ 32 บาทดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่แถวระดับล่าสุด มากกว่า 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
เงินบาทยิ่งอ่อนค่าสำรองทุนตำราเงินตราระหว่างประเทศกลับ
เพิ่มมากขึ้น อย่างน่าประหลาดใจ เพระตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเดือน เมษายน กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ถือว่าเป็นฝีมือของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท.อย่างแท้จริง
แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่าพิศวงถึงแม้ว่าทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศสุทธิของไทย จากข้อมูลล่าสุดของธปท.จะยังคงสูงมาก ทำให้มั่นใจได้ว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่วิกฤตต้มยำกุ้งง่าย ๆ
แถมยังมีปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราระหว่างประเทศ เพียงแค่เล็กน้อยคือ 1.72 แสนล้าน หรือคิดเป็นแค่ 1.72% ของหนี้ภาครัฐรวม ๆ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าค่าบาทที่อ่อนยวบยาบยามนี้จะไม่กระทบจนภาระหนี้สินภาครัฐจะพุ่งขึ้นสูงน่าอันตราย…แต่การชำเลืองดูตัวเลขที่อาจจะกระทบรุนแรงในอนาคต ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นต่อไป
ในปัจจุบัน คลังสำรองของธนาคารกลางมิได้มีแต่เงินตราต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังมีสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ธนาคารกลางได้เก็บเงินสำรองส่วนหนึ่งไปซื้อไว้เพื่อให้งอกเงย เช่น พันธบัตร, ทองคำ, หุ้น, สิทธิพิเศษในการถอนเงิน เป็นต้น จากการที่คลังสำรองประกอบด้วยสินทรัพย์หลายชนิดนี้เอง จึงมีการใช้คำศัพท์ที่มีความตรงตัวยิ่งขึ้น
โดยนัยนี้ การเปลี่ยนจากคำว่า “เงินสำรอง” เป็น “ทุนสำรอง” ซึ่งหมายถึงเป็นสินทรัพย์ทุกประเภทของธนาคารกลางที่อยู่ในหลายสกุลเงิน โดยมากมักเป็นสกุล ดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึง ยูโร, ปอนด์สเตอร์ลิง และ เยน ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นหลักประกันให้กับค่าเงินของประเทศเจ้าของทุนสำรองจำเพาะ
ทุนสำรองระหว่างประเทศ มีหน้าที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ คือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ และรองรับความเสี่ยงจากภาคต่างประเทศ โดยสามารถนำไปใช้แทรกแซงเพื่อดูแลค่าเงินในภาวะที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง และการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของค่าเงินอาจส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงได้
ดังนั้นหลักการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อให้บรรลุหน้าที่หลักข้างต้นจึงต้องให้ความสำคัญกับการรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศ และการดำรงสภาพคล่องสูง เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ทันการณ์เมื่อมีการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศอย่างฉับพลัน หรือในยามคับขันที่ตลาดโลกผันผวนมาก ทำให้การนำทุนสำรองระหว่างประเทศ ไปลงทุนต้องเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มี ความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องของตลาดสูง ซึ่งสินทรัพย์เหล่านั้นมีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำ สะท้อนความเสี่ยงที่ต่ำของการลงทุน
ในบางประเทศได้มีการเปลี่ยนทุนสำรองระหว่างประเทศให้ไปอยู่ในการดูแลของกองทุนความมั่นคงแห่งชาติ (Sovereign Wealth Funds หรือ SWF) เพื่อนำทุนสำรองดังกล่าวที่มีอยู่มากเกินระดับความต้องการของรัฐบาล ไปลงทุนต่อเพื่อหาผลประโยชน์หรือลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมเช่นจีน มาเลเซีย สิงคโปร์
สำหรับกรณีของมาเลเซีย มีกองทุน SWF ชื่อ 1MBD ซึ่งเป็นเรื่องอื้อฉาวจากกรณีครอบครัวของอดีตนายกนาจิบ ราซัค เข้าไปมีเอี่ยวกับผลประโยชน์จนเขาต้องหล่นจากเก้าอี้มาแล้ว
ในกรณีของประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการทุนสำรองระหว่างประเทศ รูปแบบการบริหารทุนสำรองของธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นรูปแบบดั้งเดิมคือเก็บในรูปของสินทรัพย์ที่มั่นคง และมีสภาพคล่องสูง ส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ทางการเงินในตลาดเงินที่ให้ผลตอบแทนคงที่ หรือในรูปของเงินฝากธนาคารพาณิชย์ เป็นสินทรัพย์ระยะสั้น
ส่วนทางด้านการจัดตั้งกองทุนความมั่นคงแห่งชาตินั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาของกระทรวงการคลังจึงยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องนี้
สำหรับหนี้สินต่างประเทศภาครัฐนั้น แม้จะยังมีสัดส่วนที่ต่ำมาก แต่ต้องเข้าใจกันให้ชัดเจนว่า หนี้ต่างประเทศหมายถึง ยอดคงค้างหนี้สินส่วนที่ไม่ใช่ทุนเรือนหุ้นที่ผู้มีถิ่นฐานในประเทศก่อขึ้น โดยมีภาระผูกพันธ์ที่ต้องชำระคืนเงินต้น โดยรวมหนี้สิน ทุกสกุลเงินและ ทุกประเภทของการกู้ยืม
ยอดคงค้าง หมายถึง ยอดคงเหลือของหนี้สิน ต่างประเทศ ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ แล้วนำมารวมนำมาคำนวณเทียบค่าเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้อัตราซื้อขายเฉลี่ยสิ้นงวดในตลาดนิวยอร์ค (New York Closing mid rate) เพื่อให้บันทึกลงตามระเบียบของ (External Debt Guide) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
หนี้สินต่างประเทศที่ต่ำมากของไทย ทำให้เชื่อมั่นได้ในระดับนัยสำคัญว่า ประเทศไทยจะไม่ต้องเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมากจนเกินขนาด เพียงแต่ธปท.จะต้องสร้างความมั่นใจให้กับตลาดเงินว่า ระดับของอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบกับค่าเงินบาทนั้น จะไม่รุนแรงมากเกินจำเป็น
คำพูดและถ้อยแถลงของผู้บริหารธปท.ที่อาจจะดูน่าเบื่อแต่เมื่อเทียบฝีมือแล้วไม่ธรรมดาถือว่าทำได้ดีเกินคาด