ความอึดชาวสวนกับ ‘วิลเลียม เจมส์’

คำอธิบายแบบ “วีรชนหลังสงคราม” ของนักวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ของตลาดหุ้นไทยยามนี้ หลังจากที่การร่วงในตอนเปิดตลาดเกือบทุกแห่ง


คำอธิบายแบบ “วีรชนหลังสงคราม” ของนักวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ของตลาดหุ้นไทยยามนี้ หลังจากที่การร่วงในตอนเปิดตลาดเกือบทุกแห่ง เพราะข่าวร้ายท่วมตลาดโลกและตลาดหุ้นในประเทศ ถ่วงรั้งขาขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นหรือ SET ให้จมปลักกับก้นเหวของขาลงต่อเนื่อง

แม้ข่าวร้ายสุดที่ผ่านพ้นไปแล้ว คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งขาขึ้นของดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นโตเกียว อินเดีย และยุโรปหลายตลาดกลายเป็นตลาดขาขึ้นระลอกใหม่แล้ว โอกาสที่คนห่ามแบบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ชอบให้ออกมาข่มขู่ให้โลกปั่นป่วนว่าเกิดสงครามการค้าจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเพียงแต่หุ้นไทยกลับถูกข่าวร้ายจากกรณีเบี้ยวหนี้ของหุ้นบางรายการออกมาทำลายบรรยากาศของตลาด ทั้งที่น่าจะเป็นข่าวดีด้วยซ้ำ..

แม้ช่วงปีนี้การลงทุนด้วยกลยุทธ์ “ชาวสวน” (Contrarian Investing) ซึ่งเป็นพฤติกรรมของนักฉวยโอกาสจากหายนะของตลาดเก็งกำไรที่ชวนให้ตั้งคำถาม เพราะกลยุทธ์ชาวสวนนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่มักเลือกเกิดในช่วงเวลาที่สบช่องของสถานการณ์พิเศษเท่านั้น โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองที่มีความรุนแรง

แต่ปรัชญาเรื่อง “เจตจำนงที่จะเชื่อ” ของนักปรัชญาอเมริกัน วิลเลียม เจมส์ ต้นกำเนิดสำนัก Pragmatism น่าจะถูกยึดถือเป็นสรณะจากบรรดานักลงทุนะระดับ “ทหารผ่านศึก” มากพอสมควร

“เจมส์” ระบุว่า การยอมรับความเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักฐานความจริงก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อทางศาสนา แต่อ้างถึงเหตุผลของความศรัทธา เป้าหมายคือการปกป้องสิทธิและตรรกะโดยไม่ถูกบีบบังคับ

แนวคิดเจมส์ แยกแยะความเชื่อสัมบูรณ์ (อาศัยเหตุผลมากกว่าข้อเท็จจริง) ออกจาก วิธีคิดพึ่งพาประจักษ์พยาน โดยย้ำว่า อย่างแรกที่อาศัยสัญชาตญาณหรือ ฌาน ไม่จำเป็นต้องเป็นความเชื่อที่ไร้สาระเสมอไปและอย่างหลังอาจไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับความเชื่อและข้อสรุปของพวกเขามากกว่า…

เจมส์ ระบุว่า ความถูกต้องและผิดพลาดในความเชื่อ มาจากระดับคุณภาพของความเชื่อเป็นสำคัญ แต่คุณภาพจะเกิดขึ้นมาได้ต้องผ่านประสบการณ์ประกอบอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เช่นนั้น วิชาสถิติ คงไร้คุณค่าในการเรียนและนำไปใช้ เพื่อสร้างผลลัพธ์สุดท้าย

เพียงแต่เจมส์ก็ย้ำเตือนว่า “ความตั้งใจที่จะเชื่อ” ต่างจาก “สิทธิ์ที่จะเชื่อ” และ “ภาระที่จะเชื่อ” แล้วยังมีความไม่สอดคล้องกันระหว่างการแสวงหาความจริง (รวมทั้ง การหลีกเลี่ยงความเท็จ) ที่ทำให้บางครั้ง การระงับความเชื่อมีความจำเป็นในบางครั้ง จนกว่าเราจะมีหลักฐานเพียงพอ จนกว่ามียืนยันได้ว่าไม่มีการหลีกเลี่ยงความเท็จโดยเจตนา

ข้อเสนอเจตจำนงที่จะเชื่อของเจมส์ ได้รับการพิสูจน์ในเวลาต่อมาว่า ใช้การได้เฉพาะเรื่องหรือประเด็นนามธรรมมากกว่าเรื่องหรือสาระที่เป็นรูปธรรม เพราะโลกที่เป็นรูปธรรมนั้น ข้อเท็จจริงเชิงปริมาณมีความสำคัญมากกว่า และเป็นตัวชี้วัดความถนัดซึ่งต้องการความเชื่อเชิงนามธรรม

บางครั้งหลักการลงทุนช่วงเวลา ที่แสงสว่างปลายอุโมงค์ยังเลอะเลือน อาจจำเป็นต้องพึ่งพาสัญชาตญาณมากกว่า สัญญาณทางเทคนิคและความคาดหมายบวก ที่ไม่สั่นคลอนได้ของนักลงทุน ที่เชื่อมั่นในขาขึ้นครั้งต่อไปของตลาด ตามสูตรที่นักลงทุนเชื่อกันว่าตลาดหุ้นไทยนั้นจะเป็นขาขึ้นอยู่ประมาณ 4 เดือนขาลงประมาณ 8 เดือน ช่วงเวลาขาขึ้นก็จะกลับอย่างแน่นอน

การลงทุนด้วยกลยุทธ์ “ชาวสวน” (Contrarian Investing) จึงต้องการความอดทนที่มีองค์ประกอบของความอึดและความเชื่อแบบที่ “วิลเลียม เจมส์” สรุปเอาไว้เป็นพฤติกรรมของการแปลงวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส เพราะกลยุทธ์ชาวสวนนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งก็ตาม

Back to top button