TIDLOR คุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง
TIDLOR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 955.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.57% จากไตรมาส 1/2565 และขยายตัว 16.86% จากไตรมาส 4/2565
คุณค่าบริษัท
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 1.สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ 60% 2.สินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกและอื่น ๆ 26% 3.สินเชื่อจำนำรถมอเตอร์ไซค์ 14%
TIDLOR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 955.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.57% จากไตรมาส 1/2565 และขยายตัว 16.86% จากไตรมาส 4/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 817.31 ล้านบาท กำไรที่เพิ่มขึ้นโดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง และสินเชื่อขยายตัวได้ดี 26% จากไตรมาส 1/2566 และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 4/2565 จากจำนวนผู้ใช้งานบัตรติดล้อ (TIDLOR Card) เพิ่มขึ้น 7.9%
นับจากต้นปี พอร์ตสินเชื่อรวมของ TIDLOR ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 มีมูลค่า 83,039.9 ล้านบาท ขยายตัว 26.4% จากไตรมาส 1/2565 จากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านรายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,567 ล้านบาท เติบโต 29.0% จากไตรมาส 1/2565 และเพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาส 4/2565 ส่วนยอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมอยู่ที่ 2,070.1 ล้านบาท ขยายตัว 28.2% จากไตรมาส 1/2565
ด้านคุณภาพสินเชื่อของ TIDLOR ยังทำผลงานได้แข็งแกร่ง มี NPL อยู่ที่ 1.5% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2565 ที่ 1.58% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 1/2565 ที่ 1.25% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Coverage ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 270% ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่ 317% แต่สูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 4/2565 ที่ 249%
ส่วนอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน (cost to income) ปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงมาที่ 54% จากไตรมาส 1/2565 ที่ 58% และเทียบกับไตรมาส 4/2565 ที่ 59% ส่วนต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นมาที่ 2.7% จากไตรมาส 1/2565 ที่ 2.4% ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) อยู่ที่ 3.1% สูงขึ้นจากไตรมาส 1/2565 ที่ 0.9% และเทียบกับไตรมาส 4/2565 ที่ 3.29% จากการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยังอยู่ในเป้าที่ผู้บริหารให้ไว้ที่ 3.0-3.5% ส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (LLR) มีจำนวน 3,364 ล้านบาท คิดเป็น 4.05% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
ผู้บริหาร TIDLOR ปรับลดเป้าอัตราส่วนหนี้เสีย (NPL ratio) ปี 2566 เหลือไม่เกิน 1.8% จาก 2.0% และลดเป้าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ในกรอบบนเป็น 3.0-3.35% จาก 3.0-3.5% ผู้บริหารระบุว่า แนวโน้ม NPL ที่ดีขึ้นส่วนใหญ่มาจากประสิทธิภาพของทีมงานติดตามหนี้ที่ดีขึ้น และการเก็บเงินสดที่ปรับดีขึ้นในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต
บล.กสิกรไทย มองว่า TIDLOR จะเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์รายแรกที่ออกจากวัฏจักร NPL เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เนื่องจากกลยุทธ์การขยายการเติบโตของสินเชื่อที่รอบคอบของผู้บริหารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดว่า NPL จะแตะระดับสูงสุดในช่วงกลางปี 2566 และจะแตะระดับ 1.67% ในปี 2566 ก่อนจะลดเป็น 1.62% ในปี 2567
ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ TIDLOR ระบุว่า ประมาณการรายได้รายรวมปี 2566 ที่ 17,215.34 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3,939.51 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 29.38 บาท จาก 17 โบรกเกอร์
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 ขึ้นปีละ 13% และ 17% เป็น 3.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2565) และ 4.7 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22% จากปี 2566) โดยเป็นผลจากการปรับ 1.เพิ่ม loan growth เป็น 19% และ 17% (จากเดิมเพิ่มปีละ 14%), 2.ปรับลด credit cost ลงปีละ 0.1% ตาม NPL ที่ดีขึ้นเป็น 1.8% และ 1.7% (จากเดิม 1.9% และ 1.8%) เพื่อสะท้อนความเสี่ยงที่คลี่คลายมากขึ้น ทั้งเศรษฐกิจที่จะเติบโตดี โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น TIDLOR ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 4 ก.ค. 2566 ที่ 24.00 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 18.45 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 17.71 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น TIDLOR อยู่ที่ 2.56 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 1.91 เท่า