“อาทิตย์” จี้เร่งแก้ปัญหา “หนี้สินสังคม” เงินกู้แบงก์-นอกระบบพุ่ง
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ยืนยันเวลามีวิกฤตย่อมมีโอกาส โดยเฉพาะปัญหาประเทศไทยมีหลายปมที่พันกัน ดังนั้นจะดึงต้นขั้วต่างๆ ให้คลี่คลาย ฝากรัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาหนี้สินซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม เพราะหนี้แบงก์และนอกระบบพุ่ง
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวในงานสัมมนา “Battle Strategy แผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม EPISODE V : วิกฤติมาทุกทิศ โอกาสมีทุกทาง” ว่าในปัจจุบันวิกฤตต่างๆ มีความรุนแรง มีการสะสมจนเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง เทคโนโลยี และ climate change ซึ่งทำให้ปัญหาในเชิงสังคมและเศรษฐกิจมีความท้าทายและยากที่จะแก้ และอาจเป็นภัยต่อการทำธุรกิจของภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางหรือเล็ก นอกเหนือจากปัญหาการเมือง
ทั้งนี้ SCBX มุ่งมั่นจะบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050 เพราะเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบและเป็นเรื่องที่ต้องทำ ยกตัวอย่างผู้ถือหุ้น SCBX ซึ่งบอกว่าถ้าไม่มี commitment ในเรื่องนี้จะไม่ถือหุ้น เชื่อว่าตัวอย่างแบบนี้จะเกิดขึ้นกับบริษัทขนาดใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรม
โดยบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งมีกำลังและรู้ว่าต้องทำเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่เพียงแค่บริษัท คู่ค้าก็ต้องทำด้วย แต่บริษัทขนาดกลางเล็กที่อยู่ในซัพพลายเชนจะปรับตัวอย่างไร
ขณะที่กลุ่ม SCBX identify paint point 3 เรื่อง 1) ความเหลื่อมล้ำ 2) Disruptive Technology เช่น AI 3) climate change ซึ่งใน 3 เรื่องนี้ ให้ความสำคัญ ยกตัวอย่างเช่นเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์กรุงเทพเป็นไฟฟ้า และสามารถเช่าได้ โดยไม่ต้องมีปัญหาหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ซึ่งใช้บริษัท Robinhood ทำเรื่องนี้ การทำ Solar rooftop เพื่อให้ชุมชนขนาดกลางประหยัดพลังงาน โดยไม่ต้องลงทุนหลายแสนบาท ใช้ระบบเช่า
นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า จากที่ได้ไปดูงานที่อเมริกา การมีสตาร์ทอัพ สร้างแพลตฟอร์มวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ วางแผนลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ สมมุติว่า SCBX สามารถลงทุนในบริษัทนั้นได้ เอามาเพื่อให้ SME เข้าถึงและใช้เพื่อลดต้นทุน ซึ่งคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องช่วยกัน และมีจิตสำนึกว่าถ้าฐานรากของสังคมไม่รอดก็ไม่มีใครรอด
ดังนั้น ประเทศไทยมีโอกาสทั้งในเชิงภูมิประเทศ ทรัพยากร วัฒนธรรม เสน่ห์ของประเทศและคนไทย แต่ปัญหาเร่งด่วน เช่น ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาหนี้สินซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม ยกตัวอย่าง 30% ของประชากร กู้เงินจากแบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์ 60% กู้นอกระบบ ซึ่งใน 30% มีประมาณ 10% แบงก์พาณิชย์ 20% แบงก์รัฐ ก็ยังกู้จากนอกระบบด้วย ฉะนั้นรายได้ที่เพิ่มขึ้นของคนชั้นล่างจะเพิ่มทันได้อย่างไร ถ้าดอกเบี้ยนอกระบบเป็นหลักหลายๆ 10% และเป็นการคิดดอกเบี้ยหลายสัปดาห์ เป็นแรงหน่วงที่รัฐบาลใหม่ต้องมาแก้ปัญหา
ส่วนพรรคการเมืองมาหาเสียงไม่เคยพูดว่าต้องทำอย่างไร (How To) เราต้องช่วยกันตรวจสอบ รัฐบาลต้องเรียกมาทุกกลุ่ม และต้องให้มีแผน และมี KPI ชี้วัด
นอกจากนี้ รัฐบาลไม่ว่าจะจากไหน ต้องมีความชัดเจน มีเส้นทางเดินของประเทศที่ชัดเจน เพื่อให้ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ปรับตัวให้อยู่ในทิศทางที่เตรียมพร้อมเดินไปกับรัฐบาลอย่างแข็งแรง
โดยเวลามีวิกฤตย่อมมีโอกาส คนที่มีกำลังมากก็ต้องเสียสละมากกว่า เพื่อเปลี่ยน หวังว่าจะมีผู้นำที่จะฟื้นฟูประเทศให้กลับมา ช่วยกันเรียกร้องและแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์ก็จะทำให้เรามีความหวังต่อไป
ขณะที่ปัญหาประเทศไทยมีหลายปมที่พันกัน เราจะจริงจังและจริงใจอย่างไร ที่จะดึงต้นขั้วต่างๆ ให้คลี่คลาย
“ทำอย่างไรให้เสียงของเราเป็นเสียงสร้างสรรค์ ไม่ใช่แตกแยก มองหาวิธีแก้ปัญหามากกว่าสร้างปัญหา เราควรตระหนักในปัญหาที่เผชิญร่วมกัน” นายอาทิตย์ กล่าวทิ้งท้าย