ตัน-เสี่ยป๋อง-บอย ท่าพระจันทร์

เก็บตกมาจากงานสัมมนา “Battle Strategy แผนฝ่าวิกฤติ”

ที่จัดโดย ข่าวหุ้นธุรกิจ และกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ก.ค. 66

ในช่วงเซคชั่นสุดท้าย

เป็นการทอล์กของ 3 บุคคลสำคัญในตลาดหุ้น โดยมี “คิม-สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร” ซีอีโอ บริษัท แอสเซท โปร แมแนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินรายการ

ส่วนบุคคลที่ร่วมทอล์กประกอบด้วย

ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI

วัชระ แก้วสว่าง หรือ “เสี่ยป๋อง” นักลงทุนรายใหญ่

และ อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ “บอยท่าพระจันทร์”

เริ่มต้น คุณตัน บอกว่าส่วนตัวเจอวิกฤติมาบ่อยจึงยอมรับ และมีความเชื่อว่า “ปัญหาผ่านเข้ามาก็จะผ่านไป”

และจนสามารถผ่านมาได้

พร้อมแนะนำว่า อยากให้นักลงทุนมองภาพชีวิตจริงเปรียบเหมือน “พระอาทิตย์” นั่นคือ มีขึ้นและลง

น้ำทะเลก็มีขึ้นและลง สลับกันไป

หรือเปรียบเหมือนคนรวยที่ไม่เคยขาดทุนในหุ้นไม่มีหรอก แต่ภาพโดยรวมอาจออกมาเป็นกำไร

หากพูดถึง ICHI เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา มีกำไร 600-700 ล้านบาท

ต่อมาโดนภาษีจนปีถัดมาเหลือกำไร 40 ล้านบาท

ส่วนปี 2565 บริษัทมีกำไร 600 ล้านบาท ปีนี้ก็น่าจะทำกำไรได้ตามเป้าหมาย

ปีหน้ายังไม่รู้ว่าจะเกิดวิกฤติอะไร แต่หากไม่ยอมแพ้ และมีความเชื่อมั่น ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะจะสามารถผ่านมันไปได้

ด้าน “เสี่ยป๋อง” บอกว่า ทุกครั้งที่เจอวิกฤติจะได้กำลังใจจาก “ครอบครัว”

วิกฤติที่หนักสุดของตนเอง คือ TT&T ในปี 2548 จากพอร์ตประมาณเกือบ 400 ล้านบาท ลงไปเหลือ 60 ล้านบาท ภายใน 2-3 เดือน เพราะโดน “มาร์จิ้น คอล”

จึงจำเป็นต้องขายเพื่อเซฟเงินสด

และกว่าจะฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลาหลายปี

เหตุการณ์นี้จึงทำให้เชื่อว่า “กราฟไม่เคยหลอกใคร” ส่วนในช่วงโควิดที่ผ่านมาพอร์ตลงทุนไม่มีปัญหาเพราะเชื่อกราฟ 100% 

และหากถามถึงหุ้น IPO ในปีนี้ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพตลาดหุ้นในแต่ละช่วง

ช่วงนี้คงขึ้นอยู่กับวิธีการจัดสรร

ขณะที่กำไรจากหุ้น IPO ในพอร์ตส่วนตัวพอได้อยู่บ้างในตัวที่ขายไปแล้ว ส่วนตัวที่ยังไม่ขายตอนนี้ก็ขาดทุนแล้ว

ขณะที่ “บอยท่าพระจันทร์” บอกเช่นกันว่า ส่วนตัวเจอวิกฤติมาตลอด

และพยายามขวนขวาย จนได้ค้นพบตัวเองว่าชอบอะไร จึงได้เข้าสู่วงการ “พระเครื่อง”

จากนั้น จึงเข้าวงการหุ้นจากการเจอเสี่ยป๋อง เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว (ปี 2556)

จึงเริ่มเล่นหุ้นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2556 และได้กำไรจากหุ้น IPO ตัวแรกที่เล่น 1 ล้านบาท จึงใส่เงินเข้ามาในพอร์ต 30 ล้านบาท 

สักพักตลาดหุ้นปรับตัวลงจาก 1,650 จุด มาอยู่ที่ 1,550 จุด จึงเพิ่มเงินเข้าไปในพอร์ตลงทุนเป็น 60 ล้านบาท ตลาดหุ้นลดลงมาอยู่ที่ 1,230 จุด ขาดทุน 65% เหลือเงินในพอร์ตประมาณ 20 ล้านบาท 

จึงได้ขอคำแนะนำจากเสี่ยป๋อง และเริ่มมีการซื้อถัวจนพอร์ตลงทุนกลับมาเท่าทุน

สุดท้ายจึงล้างพอร์ตลงทุนขายทิ้งทั้งหมด จนกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลังจากเรียนรู้เรื่องกราฟมาบ้างพอสมควร

และมาขาดทุนอีกครั้งเมื่อปี 2558

ทำให้กำไร-ขาดทุนอยู่แบบนี้ประมาณ 5 ปี

สุดท้ายเริ่มจับทางได้ มีประสบการณ์ และดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงโควิดก็กระทบมากพอสมควร แต่ผ่านมาได้จากการขายสินทรัพย์อื่น

ส่วนหุ้น IPO ในพอร์ตของตนเองปีนี้มีไม่มากนัก เพราะไม่อยากเจ็บมาก เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่มองว่าโหดร้ายมากสำหรับนักลงทุนหลายท่าน

เพราะหุ้น IPO จำนวนมากตอนนี้ราคาปรับตัวลง

จึงค่อนข้างเล่นยาก