“ชัยยศ” แนะเก็บ PTTEP- ADVANC กำไรดี-ปันผลเด่น
“ชัยยศ จิวางกูร” แนะเก็บ 2 หุ้นใหญ่ PTTEP- ADVANC คาดไตรมาส 2 กำไรเติบโตแกร่ง-เงินปันผลเด่น ขณะที่ความไม่ชัดเจนของการเมืองยังกดตลาดให้ Overhang
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการสด “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (12 ก.ค. 66) ว่าปัจจัยภายนอกประเทศเป็นบวกมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ โดยมีเรื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อภาพเป็นเช่นนี้แล้วก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นรอบ ๆ รวมถึงดาวโจนส์มีการปรับตัวขึ้น
ขณะที่การเมืองไทยนั้นมีความหลากหลายในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงมีเรื่องของความกังวลในการโหวตเลือกตั้งนายกยังไม่แน่นอน มองว่าจุดนี้คือ overhang น่าจะทำให้ตลาดหุ้นมีปัจจัยภายนอกเข้ามาทำให้มีภาพบวก แต่ปัจจัยภายในยังคงกดดันอยู่ กล่าวคือ ภาพรวมในวันนี้จะบวกตามลักษณะของตลาดหุ้นรอบ ๆ แต่ว่าสุดท้ายแล้วนั้นภาพก็จะมีการสลับย่อลง โดยหากการเลือกตั้งล่าช้าหรือถูกเลื่อนออกไปอีก ก็จะทำให้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นล่าช้าด้วย ส่งผลต่อภาพเศรษฐกิจของประเทศที่จะมีการชะลอตัวลง
ด้านหุ้นที่แนะนำในการลงทุน ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เพราะราคาน้ำมันมีการดีดตัวขึ้นมา และงบประมาณไตรมาสที่ 2/66 มองว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งอยู่ในระดับ 15,000-18,000 พันล้านบาท ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 169 บาท และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC มองว่าไตรมาสที่ 2/66 ยังสามารถเติบโตได้ดี และมีเงินปันผลครึ่งปีประมาณ 1.5%-2% ให้ราคาพื้นฐานที่ 250 บาท
อีกทั้งยังมีกลุ่มธนาคารใหญ่ เช่น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มองว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากได้รับผลประโยชน์ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นมา แนะให้ระมัดระวังในหุ้นเช่าซื้อ ควรระวัง NPL เพราะมีการเตือนจากธนาคารแห่งประเทศไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากนี้ คิดว่าตลาดหุ้นไทยมีการตอบรับในเรื่องของการเมืองพอสมควร เพราะดัชนีของหุ้นนั้นตกลงมาจากระดับ 1,550 จุด ลงมาที่ระดับ 1,500 จุด เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องหลักที่กดดันตลาดอยู่พอสมควร โดยหากมีการเลื่อนกำหนดการณ์เลือกตั้งออกไปอีก มองว่าจะมีแรงขายเข้ามา แต่ไม่น่าจะเยอะ อีกทั้งยังมองว่าหากการเลือกตั้งไม่ยืดเยื้อและได้ผลสรุปภายในสภา พร้อมกับมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ จะเป็นปัจจัยบวกที่นักลงทุนรอคอยอยู่