พาราสาวะถี

อ่านเกมกันขาด ไม่ผิดจากที่คาดหลังจากโชว์ขยันผิดสังเกต ที่สุด กกต.ก็มีมติส่งเรื่องถือหุ้นไอทีวีของ พิธา เข้าข่ายขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.


อ่านเกมกันขาด ไม่ผิดจากที่คาดหลังจากโชว์ขยันผิดสังเกต ที่สุด กกต.ก็มีมติส่งเรื่องถือหุ้นไอทีวีของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการลงมติไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ท่าทีเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ระบอบเผด็จการสืบทอดอำนาจยังคงอยู่ และกลไกต่าง ๆ ที่วางไว้ยังรับใช้กันอย่างแข็งขัน

คำร้องที่ยื่นยังพ่วงด้วยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ด้วย สถานการณ์วันนี้ก็เข้าสู่อีหรอบเดียวกันกับที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เคยถูกเล่นงานมาแล้วเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ต้องคอยดูกันว่าปลายทางของพิธาจะจบแบบเดียวกันหรือไม่ เมื่อขยับกันแบบนี้แทบจะไม่ต้องเดาได้เลยว่าท่วงทำนองของ ส.ว.ลากตั้งต่อกระบวนการโหวตนายกฯ ในวันนี้จะออกมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับประชาชนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่แสดงฉันทามติกันมาแล้วว่า จะยอมให้กลไกรัฐประหารด้วยกฎหมายของขบวนการสืบทอดอำนาจทำลายความต้องการของเสียงส่วนใหญ่หรือไม่

แน่นอนว่า การแสดงบทบาทของแต่ละตัวละครในองคาพยพพวกอยู่ยาว มันไม่ได้แนบเนียน แต่เป็นการใช้อ้างอิงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำที่ฝืนฉันทามติของประชาชน เห็นได้ชัดว่า การประกาศวางมือทางการเมืองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่การยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้การเลือกตั้ง หากแต่เป็นการถอยเพื่อให้ลิ่วล้อที่เคยสนับสนุน และยังอุ้มชูกันต่อไปได้มีช่องทางในการที่จะรุกเพื่อหวังผลในการพลิกเกมกลับมากุมอำนาจ

พลันที่มีการประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทั้งที่อยู่มานานกว่า 9 ปี และวางแผนที่จะอยู่กันแบบยาว ๆ ก็ตามมาด้วยการลงมติของ กกต.แบบนี้ หากตามมาด้วยการพิจารณารับเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญอีกทอด ก็จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของผู้มีพระคุณที่โอบอุ้มกันมาตั้งแต่รัฐประหาร เพราะได้ประกาศวางมือไปแล้ว ขณะที่การลงมติโหวตเลือกนายกฯ การตัดสินใจของ ส.ว.เสียงส่วนใหญ่ที่ไม่หนุนพิธา ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เพราะได้วางมือไปแล้วเช่นกัน

ที่มองข้ามช็อตกันไปแล้วก็คือ หากบรรดาพรรคขั้วรัฐบาลเดิมจะเคลื่อนไหวแสวงหาแนวร่วมเพื่อตั้งรัฐบาลแข่งกับ 312 เสียงที่เป็นเสียงข้างมาก ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเพราะวางมือทางการเมืองไปแล้ว คงไม่มีใครมองไปถึงว่าการวางมือหนนี้เพื่อที่จะเปิดทางให้พรรคขั้วเดิมไปหนุน 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ให้กระบวนการโหวตเลือกนายกฯ และตั้งรัฐมนตรีเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง

จังหวะเคลื่อนแบบนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย ที่ได้ย้ำนักย้ำหนาคือ พวกอย่างหนาไม่เคยแยแสกระแสเสียงของประชาชนอยู่แล้ว ยกกรณีปมที่เกี่ยวพันกับ ส.ว.ลากตั้งฝ่ายเชลียร์เผด็จการสืบทอดอำนาจเที่ยวอ้างว่ามีการซื้อเสียงให้ลงคะแนนหนุนพิธา แต่ไม่มีหลักฐานใดมายืนยัน อีกด้านปรากฏข้อความหลุดในกลุ่มไลน์ของ ส.ว.ที่ ส.ว.หญิงรายหนึ่งพูดถึงการแจกกล้วย พร้อมเสนอตำแหน่งทางการเมืองให้หลังหมดวาระ ส.ว.แลกกับการไม่โหวตให้พิธา ถามว่าคนส่วนใหญ่จะเชื่อข้อมูลของใคร

ความสามานย์เหล่านี้ยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง เพราะเนติบริกรศรีธนญชัยทั้งหลายได้วางแผนการกันไว้นับตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร ระหว่างการมีอำนาจทั้งเผด็จการ คสช.และรัฐบาลเผด็จการ กระทั่งรัฐบาลสืบทอดอำนาจ นี่คือปัญหาใหญ่ที่นักวิชาการซึ่งเป็นกลางอย่างแท้จริง และฝ่ายประชาธิปไตยได้เรียกร้องเพื่อให้เกิดการแก้ไข แต่หนทางที่จะเดินไปถึงจุดนั้น การโหวตเลือกนายกฯ ครั้งแรกวันนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่าสามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจกันหรือไม่

อ่านจากหน้าเสื่อเมื่อมีการเดินเกมเช่นนี้ เป้าหมายของขบวนการสืบทอดอำนาจไม่ได้อยู่ที่แค่การสอยพิธาแล้วไม่ได้เป็นนายกฯ เท่านั้น หมากต่อไปก็จะรุกไปยังคุณสมบัติความเป็นหัวหน้าพรรค พุ่งเป้าไปที่การยุบพรรคก้าวไกล โดยกรณีนี้จะไม่ส่งผลถึงสถานภาพของ ส.ส.ก้าวไกลทั้งหมดเหมือนกรณีอนาคตใหม่ ก็จะเกิดปรากฏการณ์ผึ้งแตกรังอีกรอบ การแจกกล้วยก็จะกลับมาคึกคักสะพัดกันอีกรอบ นั่นจึงเป็นเหตุที่เนติบริกรเคยพูดไว้ก่อนหน้า ถ้าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยวันนี้ วันข้างหน้าก็มีโอกาสจะเป็นเสียงข้างมากได้

ไม่เพียงแต่กลไกที่ได้วางกันไว้เพื่อเอื้อให้ทั้งการอยู่ต่อของใครก็ตามในขบวนการสืบทอดอำนาจ ยังรวมไปถึงการใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้ตลอดเวลา ถ้ายุบก้าวไกลได้ต่อไปก็จะเป็นการรุกคืบไปที่การยุบพรรคเพื่อไทย จะเห็นได้ว่าเล่ห์เหลี่ยมของพวกนี้แพรวพราว เข้าใจที่จะรอไม่จัดการเรื่องเหล่านี้ก่อนเลือกตั้ง พอถึงจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มก็จะเล่นงานกันเป็นทอด ๆ คนทั่วไปคงได้แต่ภาวนากันว่าอย่าให้บ้านเมืองต้องเดินไปกันแบบนี้

บอกมาตลอด แรงกระเพื่อมจากผลของการใช้อำนาจที่วางแผนเพื่อการอยู่ยาวกันมานั้น เที่ยวนี้จะไม่เหมือนกับการยุบอนาคตใหม่และเล่นงานธนาธร รอดูปฏิกิริยาช่วง 2-3 วันนี้ ที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงรายงานว่าจะมีม็อบ 14 กลุ่มมาปักหลักบริเวณรัฐสภาเพื่อกดดัน ส.ว.ให้เลือกพิธานั้น มันแค่น้ำจิ้ม ของจริงต้องรอดูหลังผ่านการโหวตเลือกนายกฯ ไปแล้ว ผนวกกับการที่พิธาถูกเล่นงานด้วยวิธีการเช่นนี้ ก็จะถึงเวลาแสดงพลังของมวลชนที่ก้าวไกลและคณะก้าวหน้าได้มีการเดินสายไปพบปะตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และมีภาพให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วผ่านการเดินสายขอบคุณประชาชนของพิธา

ภาพการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ วันนี้ จึงเดาได้ไม่ยาก ส.ว.ลากตั้งที่ไม่ยกมือให้พิธาอยู่แล้ว ก็จะยกเอาประเด็น กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลังพิง ตามมาด้วยการผสมโรงกับ ส.ส.ขั้วรัฐบาลเดิมกับการอภิปรายการแก้ไขมาตรา 112 เป็นเหตุให้ไม่สามารถทำตามฉันทามติของประชาชนได้ กรณีนี้แม้จะเป็นเรื่องอ่อนไหว แต่หากยอมรับความจริงคือ ที่ผ่านมามีการใช้สถาบันมากลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งพิธาก็พูดถึงกรณีนี้น่าสนใจว่า “พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง” อย่าดึงพระองค์ท่านลงมาแล้วใช้เป็นข้ออ้างบังหน้าบอกว่าจะไม่เลือกตามเสียงข้างมาก แบบนี้อันตรายเกินไป

Back to top button