JMT เด้ง 3% ชี้มาตรการ ธปท. ไม่กระทบพอร์ตหนี้ มั่นใจกำไร Q2 สวย ดันทั้งปีเข้าเป้า 30%
JMT เด้ง 3 % ผู้บริหารสยบข่าวลือ ยันไตรมาส 2/66 กำไรสวยดันทั้งปีเข้าเป้า 30% จากการตามเก็บหนี้ได้ตามแผน ส่วนมาตรการ ธปท. จะไม่กระทบกับพอร์ตหนี้ เหตุหนี้ที่ซื้อเข้ามาเป็นสถานะ NPL ต่างจากหนี้สถาบันการเงินที่เข้าตามเงื่อนไขแบงก์ชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ก.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ล่าสุด ร เวลา 10:21 น. อยู่ที่ระดับ 34.00 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 3.03% สูงสุดที่ระดับ 34.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 33.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 195.72 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากราคาหุ้น JMT เด้งกลับในวันนี้ อาจเป็นการตอบรับข่าวหลังจาก นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารพอร์ตหนี้ที่ JMT ประมูลเข้ามามีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การรับรู้รายได้ของบริษัทสูงขึ้น ขณะที่ภาพรวมการจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) สามารถทำได้ตามเป้าหมาย
สำหรับวิธีในการดำเนินธุรกิจติดตามหนี้ของบริษัท เน้นไปที่การเจรจากับลูกค้า ไม่เน้นการดำเนินการทางคดี โดยเข้าใจความต้องการและความสามารถในการจ่ายคืนของลูกค้า พร้อมเป็นกลไกในการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อสร้างลูกค้าที่มีเครดิตทางการเงินที่ดีคืนสู่อุตสาหกรรมทางการเงิน เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
“การดำเนินการของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย แนวโน้มไตรมาส 2/2566 มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเน้นไปที่การเจรจากับลูกค้า หาทางออกให้กับลูกค้าอย่างเหมาะสม การซื้อหนี้ในอดีตที่ผ่านมา JMT เข้าไปช่วยลูกค้าในการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนมาก และสามารถกลับสู่อุตสาหกรรมการเงิน” นายสุทธิรักษ์ กล่าว
นายสุทธิรักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนครึ่งปีหลังปี 2566 ประเมินว่า ยังเติบโตต่อเนื่อง สอดรับกับภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพในระบบส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดว่าจะพีกในปีนี้และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า มองว่าสถาบันการเงินต่าง ๆ จะทยอยเปิดประมูลหนี้ด้อยคุณภาพออกมา ประกอบกับ สิ้นสุดมาตรการพักชำระ ส่งผลให้ภาพรวมหนี้ในระบบในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่หลักแสนล้านบาท ยังมีโอกาสให้ JMT ซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มเติม
ล่าสุด JMT ได้ประกาศปิดดีลซื้อหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ รวมมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบัน JMT มีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 440,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ JMT อยู่ระหว่างการยื่นประมูลซื้อหนี้เพิ่มเติมอีกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 มุ่งเน้นหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) เนื่องจาก สถานการณ์ของตลาดหนี้ด้อยคุณภาพจะยังคงมี Supply ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทพร้อมจะเป็นพาร์ตเนอร์กับสถาบันการเงินทุกราย โดย JMT ตั้งเป้างบลงทุนซื้อหนี้ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000–15,000 ล้านบาท ทั้งหนี้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน มั่นใจเป้าหมายปีนี้กำไรจะเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 30%
นายสุทธิรักษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.เตรียมจะออกมาตรการแก้หนี้ โดยเฉพาะกลุ่มหนี้เรื้อรังนั้น ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อ JMT เนื่องจากหนี้ที่ซื้อเข้ามาบริหารเป็น NPL ซึ่งมีสถานะแตกต่างกับหนี้ของสถาบันการเงินที่เข้าเงื่อนไขตามมาตรการของ ธปท. จึงไม่ส่งผลกระทบต่อยอดกระแสเงินสด การจัดเก็บรายได้และกำไรของ JMT ในการบริหารจัดการหนี้ที่ซื้อเข้ามาขณะเดียวกันการจัดเก็บหนี้ของ JMT มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์เศรษฐกิจของลูกหนี้ในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญในการบริหารจัดการหนี้ที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง