ปรบมือให้ก.ล.ต. เคส STARK
ขอปรบมือให้ก.ล.ต. กรณีการตรวจสอบและเร่งดำเนินการเพื่อหาผู้กระทำผิดจนทำให้เกิดความเสียหายขยายวงกว้างกรณี STARK
เส้นทางนักลงทุน
ขอปรบมือให้สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กรณีการตรวจสอบและเร่งดำเนินการเพื่อหาผู้กระทำผิดจนทำให้เกิดความเสียหายขยายวงกว้าง กรณีบมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK)
ในฐานะ “ผู้แบกความคาดหวังไว้บนบ่า” งานนี้ได้ยินว่าทีมก.ล.ต.ทำงานหามรุ่งหามค่ำยันตีสาม-ตีสี่ ยกเคส STARK เป็น VVIP ยิ่งกว่า Fast-track เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินงานตามกระบวนการที่อยู่ในขอบข่ายอำนาจความรับผิดชอบของก.ล.ต.ในฐานะองค์กรกำกับดูแลตลาดทุน
หากนับเป็นตัวเลขหยาบ ๆ ตั้งแต่ “ต่อมเอ๊ะ” เริ่มทำงาน เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 ที่บริษัทแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไม่สามารถส่งงบการเงินปี 2565 ได้ทันตามที่กฎหมายและกฎเกณฑ์กำหนด กระทั่งก.ล.ต.ดำเนินการกล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) การทำงานครั้งนี้รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย ใช้เวลาราว ๆ 4 เดือน
ผลงานของก.ล.ต. Ep1 เริ่มเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2566 สำนักงานก.ล.ต.ได้กล่าวโทษ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) กรรมการ อดีตกรรมการ และอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อ DSI กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564-2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบ
รวมทั้งปกปิดความจริงในข้อมูล factsheet เสนอขายหุ้นกู้ STARK ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง
10 รายที่ก.ล.ต.กล่าวโทษ คือ (1) บริษัท STARK (2) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (3) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (4) นายชินวัฒน์ อัศวโภคี (5) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ (6) นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม (7) บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL) (8) บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) (9) บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด และ (10) บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ว่า บุคคลข้างต้นได้ร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ในบัญชีหรือเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในปี 2564-2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ อีกทั้ง STARK มีการเปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน โดยเปิดเผยงบการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบการเงินดังกล่าว
รวมทั้งปกปิดข้อความจริงในข้อมูลในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (factsheet) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบบแสดงรายการข้อมูลสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ STARK ว่าได้มีการเข้าลงทุนในบริษัท LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc แล้ว ทั้งที่ยังเข้าลงทุนในกิจการดังกล่าวไม่เสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ปรากฏว่าหลังจากที่ STARK ได้รับเงินหุ้นกู้และเงินเพิ่มทุน พบการโอนเงินออกจาก STARK และบริษัทย่อยไปยังบริษัทหรือบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับการตกแต่งงบการเงินด้วย
การกระทำของบุคคลรวม 10 รายข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 312 และมาตรา 281/2 วรรค 2 ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 89/24 มาตรา 278 มาตรา 281/10 ประกอบมาตรา 300 มาตรา 306 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (แล้วแต่กรณี) ก.ล.ต.จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 10 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกจากกรณีที่กล่าวโทษในครั้งนี้ ก.ล.ต.ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่มีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริต โดยจะประสานความร่วมมือกับ DSI ต่อไป
ไม่รอช้าในช่วงค่ำของวันเดียวกัน Ep2 ตามมา โดยก.ล.ต.ได้ใช้มาตรา 267 สั่งยึดอายัดทรัพย์สินผู้กระทำผิดที่ถูกกล่าวโทษ รวม 10 รายเป็นเวลา 180 วัน และห้ามบุคคล 5 ราย ไม่ให้ออกนอกประเทศเป็นการชั่วคราว มีกำหนด 15 วัน พร้อมระบุพบมูลค่าความเสียหาจากหนี้สิน STARK มากกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท พบพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินออกไป
ส่วน Ep3 อาจต้องใช้เวลา โดยเฉพาะเรื่องปั่นหุ้น เพราะได้ยินมาว่าจะย้อนไปดูข้อมูลรายการซื้อขายตั้งแต่ปี 2563 ไล่เรียงมา ซึ่งกรณีนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้เกี่ยวข้องการทุจริต ทั้งผู้สอบบัญชี การปั่นราคาหุ้น การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ รวมทั้งการใช้ข้อมูลภายใน ดังนั้นขอให้ติดตาม Ep ต่อไป แต่จากพยานหลักฐานเชื่อมั่นว่าก.ล.ต.จะสามารถดำเนินการได้ถึงที่สุด
ในการแถลงข่าวครั้งประวัติศาสตร์ของตลาดทุนไทยเมื่อ 26 มิ.ย. 2566 ซึ่งมี 11 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลด้วยนั้น “คุณธวัชชัย พิทพโสภณ” รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการก.ล.ต. เคยบอกว่า “ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงาน” ดังนั้นการตรวจสอบและกล่าวโทษด้วยระยะเวลาอันสั้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทยรอบ 31 ปี เช่นนี้ จึงต้องขอปรบมือให้ทีมงานก.ล.ต.เช่นกัน
หลัง STARK Ep1 หลุดพ้นจากอำนาจตามกฎหมายของก.ล.ต.ไปอยู่ในมือ DSI แล้ว… จากนี้ขอให้ทุกสายตาจับจ้องไปยัง DSI ผู้รับไม้ต่อในการนำคนผิดมาลงโทษต่อไป