“มอร์นิ่งสตาร์” แนะเก็บ 5 หุ้นพลังงานใหญ่ “มะกัน” รับเทรนด์คาร์บอนเครดิต

“มอร์นิ่งสตาร์” แนะลงทุน 5 หุ้นพลังงานใหญ่มะกันติดเรทติ้ง ลงทุนธุรกิจ “วินด์ฟาร์ม-โซลาร์ฟาร์ม” รับเทรนด์คาร์บอนเครดิต ผลักดันบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน


ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแปรปรวนของโลก เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ปัญหาภัยแล้ง อุณหภูมิสูงขึ้น รวมถึงส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน จึงจำเป็นต้องมีการประกาศว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2608 โดยแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมเดินหน้าสนับสนุนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้นเพื่อทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงแบบเดิมอันเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งพลังงานทดแทนในที่นี้มีทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานไฟฟ้า ฯลฯ

ทั้งนี้ ทาง เว็บ MORNINGSTAR เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในพลังงานสะอาด เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดโลกร้อนภายในปี 2593 ตามข้อตกลงใน Paris Agreement ทำให้มีความจำเป็นไปสู่การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้พลังงาน ทำให้มีความจำเป็นไปสู่การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้พลังงาน โดยที่ผ่านมาในอดีตได้มีการเปลี่ยนการใช้แหล่งพลังงานของโลกจากการใช้ไม้มาเป็นการพึ่งพาถ่านหินในปี 2443 และจากถ่านหินมาเป็นน้ำมันในปี 2503 ซึ่งการเปลี่ยนผ่านในช่วงดังกล่าวนั้นกินระยะเวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ดังนั้นเป้าหมายการลดคาร์บอนในรอบนี้จึงเป็นที่น่าสนใจว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่ตั้งไว้ภายในปี 2593 หรือไม่ และการลงทุนในช่วงเวลาแบบนี้จะมีผลตอบแทนและความเสี่ยงอย่างไรบ้าง

โดยที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาสามารถที่จะลดคาร์บอนลงได้ถึง 15% นับตั้งแต่ปี 2548 จากการเปลี่ยนแปลงการผลิตและการใช้พลังงานในประเทศ โดยหลักๆ แล้วสัดส่วนกว่า 80% ของคาร์บอนถูกสร้างขึ้นจากอุตสาหกรรมพลังงาน จึงทำให้เป้าหมายการลดคาร์บอนถูกให้ความสำคัญมาที่อุตสาหกรรมนี้

แม้ที่ผ่านมาภาคพลังงานจะลดคาร์บอนได้ลงต่อเนื่องก็ตาม แต่จากนี้หากอัตราการลดคาร์บอนของภาคพลังงานยังอยู่ในอัตราเดิมก็คาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะยังเป็นผู้สร้างคาร์บอนหลักให้กับระบบเหมือนเช่นเดิม ทั้งนี้ภายในปี 2573 อุตสาหกรรมพลังงานจะยังสร้างคาร์บอนขึ้นมาในสัดส่วนสูงถึง 70% ของทั้งระบบ และถึงแม้จะพยายามไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นเพื่อให้บรรลุข้อตกลงของ Paris Agreement อุตสาหกรรมพลังงานก็จะยังสร้างคาร์บอนขึ้นมาในสัดส่วนสูงถึง 50% ของทั้งระบบ

สำหรับการดำเนินการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมพลังงานภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน นั้นจึงต้องเข้มงวดขึ้นเป็น 3 เท่าจากปัจจุบัน อย่างไรก็ตามยังคงมีข้อจำกัดในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อจำกัดทางการเงิน การผลิตและการสร้างแหล่งพลังงานลมและแสงแดดในอนาคต รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานเช่นสายไฟฟ้าเพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียน

ทั้งนี้ สํานักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกาคาดว่าภายในปี 2578 นั้นสหรัฐจะผลิตไฟฟ้ามาจากแหล่งพลังงานสะอาดในสัดส่วนประมาณ 51% ของพลังงานทั้งหมดที่ผลิตได้ ซึ่งหากจะทำให้ได้ตามเป้าหมายในการลดโลกร้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดว่าอาจจะทำให้เกิดได้จริงภายในปี 2583

ดังนั้น ทำให้ Morningstar คาดว่าจากนี้ไปจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงแดดขึ้นมาอีกจำนวนมาก รวมถึงการนำเข้าพลังงานสะอาดจากต่างประเทศ

ขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินจะลดลง ทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสะอาดจะถูกนำโดยการลงทุนในโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งคาดว่าในอีก 3 ปีจากนี้โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์จะมีสัดส่วนมากถึง 2 ใน 3 ของพลังงานหมุนเวียนในระบบ โดยเป็นผลมาจากการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การมีนโยบายส่งเสริมทางภาษี รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่เข้ามาร่วมในการกักเก็บพลังงานจากแสงแดดส่งผลให้มีการเก็บพลังงานได้มากขึ้น

ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทที่มีการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และมุ่งลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อผลักดันพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งบริษัทที่น่าสนใจ ได้แก่ ETR, DUK, ALB, XOM และ TTE

Entergy ETR มอร์นิ่งสตาร์เรตติ้งระดับ 4 ดาว ขณะที่ Price/Fair Value: 0.85 พร้อมให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4% ต่อปี อัตราการเติบโตของกำไรที่ 7% โดยซื้อขายระดับ PE ที่ 15 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ของ Sector อยู่ 15% โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตมาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูง ซึ่งการขยายการลงทุนในพลังงานสะอาด การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายเพื่อรองรับการเติบโต

Duke Energy DUK มอร์นิ่งสตาร์เรตติ้งระดับ 4 ดาว ขณะที่ Price/Fair Value: 0.87 โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของกำไรที่ 5-7% และมีเงินปันผล 4.4% โดยมีแผนขยายการลงทุนถึง 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566-2570 ในธุรกิจพลังงานสะอาดและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลดคาร์บอน

Albemarle ALB มอร์นิ่งสตาร์เรตติ้งระดับ 5 ดาว ขณะที่ Price/Fair Value: 0.63 บาท โดยเป็นผู้ผลิตลิเทียมรายใหญ่ของโลก รายได้หลักเกือบ 90% มาจากธุรกิจลิเทียม และด้วยการมีแหล่งผลิตที่ค่อนข้างดีทำให้บริษัทมีความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตอย่างมาก การเติบโตของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มีความต้องการใช้ลิเทียมที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลต่อราคาให้สูงขึ้นด้วย

Exxon Mobil XOM มอร์นิ่งสตาร์เรตติ้งระดับ 3 ดาว ขณะที่ Price/Fair Value: 0.91 บาท โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มกำไรจากปี 2562 ขึ้นเป็นอีกเท่าตัวภายในปี 2568 และเพิ่มกระแสเงินสดอีกเท่าตัวภายในปี 2570 ผ่านการลดต้นทุนการดำเนินงาน การปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอ การขยายตัวในธุรกิจต้นน้ำ ปลายน้ำ ธุรกิจเคมีภัณฑ์

TotalEnergies TTE มอร์นิ่งสตาร์เรตติ้ง 3 ดาว ขณะที่ Price/Fair Value: 0.89 บาท ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายลดมลพิษให้เป็นศูนย์ในปี 2593 ผ่านการขยายการลงทุนไปในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น และจะนำกระแสเงินสดที่ได้ในสัดส่วน 35-40% มาจ่ายคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม

Back to top button