แบงก์นำตลาด

หากไม่มีอะไรผิดไปจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า กก.ตกกระป๋อง พท.ขึ้นตัวเต็ง ทุนใหญ่แฮปปี้ หุ้นไทยลิงโลด จึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนต้องรีบฉกฉวย


หากไม่มีอะไรผิดไปจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า กก.ตกกระป๋อง พท.ขึ้นตัวเต็ง ทุนใหญ่แฮปปี้ หุ้นไทยลิงโลด จึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนต้องรีบฉกฉวยก็จริง! แต่อย่าลืมว่า หากผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เหมือนที่คาดการณ์ ก็ต้องโกยป่าราบเหมือนเดิม เพราะนโยบายของพรรคส้มไม่เป็นมิตรกับตลาดเงินตลาดทุน (คนส่วนใหญ่เขาพูดอย่างนั้น) จึงต้องเผื่อทางหนีทีไล่ตั้งแต่เนิ่น ๆ พะย่ะค่ะ

ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ก็มองว่า การที่ดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,535.30 จุด บวกไป 6.53 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.39 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า กก.ไม่มา และเมื่อมีการเปลี่ยนตัวเล่นที่เต็มไปด้วยความเคี่ยวในเรื่องเศรษฐกิจ ก็ถึงเวลาที่เม็ดเงินในระบบค้าขายจะเคลื่อนตัวครั้งใหม่ และมีความหวังที่จะได้เห็นดัชนีขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,550 จุดอย่างแข็งแกร่งนะจ๊ะ

งานนี้รถทัวร์จะพากันมาลงที่คนเห็นต่างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพฤติกรรมของด้อมส้มเป็นเช่นนั้นจริง ๆ และช่วงหลัง ๆ เริ่มระรานผู้คนไปทั่ว ซึ่งเป็นพฤติกรรมน่ารังเกียจมาก ๆ ของฝั่งที่เรียกตัวเองว่า ประชาธิปไตย? เดี๊ยนเลยเข้าใจหัวอกนักลงทุนที่ทนอึดอัดมานาน และพอเห็นโอกาสของการลงทุนรอบใหม่ จึงทยอยไล่เก็บหุ้นใส่พอร์ตเป็นระยะ เพราะเชื่อว่า ตลาดหุ้นจะขึ้นอย่างแข็งแกร่งไงล่ะคะ

เมื่อทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นเป็นรูปธรรม หุ้นแบงก์เลยกลายเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจที่สะพัดขึ้น และตัวเด่น ๆ ที่มาทุกครั้งก็คือ KTB เพราะเป็นแบงก์ที่ทุกรัฐบาลใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 20.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.15 พันล้านบาทแบบนี้..ปลายปีมีการอัพเป้าแน่นอน เชื่อหัวน้องโมสิ!

ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงโดยตรงกับแบงก์สีเขียว KBANK เต็ม ๆ อีกเช่นกัน เพราะเป็นแบงก์ที่คลุกคลีอยู่กับพวก “เอสเอ็มอี” เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเชื่อได้ว่า ธุรกิจห้างร้านขนาดกลางขนาดเล็กจะมีความคึกคัก ซึ่งจะทำให้แบงก์สีเขียวเร่งทำผลงานในช่วงปลายปี 66 ได้ง่ายขึ้น และการที่หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 135.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.90 พันล้านบาท ก็เป็นการกรุยทางเพื่อรอจังหวะพุ่งแรงจ้า!

อีกรายที่ต้องเม้าท์ถึงก็คือ SCB เพราะเป็นหุ้นที่จัดโครงสร้างเพื่อรองรับธุรกิจโลกสมัยใหม่ จึงเป็นหุ้นที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด และเมื่อดูการไต่เพดานบินขึ้นมาเรื่อย ๆ จะเห็นว่า เที่ยวนี้น่าจะเป็นของจริงทั้งแท่ง วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 111.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.78 พันล้านบาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 6 เดือนแบบนี้..ก็หวานเจี๊ยบซิคะ

ส่วนแบงก์ยักษ์ใหญ่ที่ยืนหยัดมานานอย่าง BBL ก็โหนกระแสกับเขาไปด้วยแบบชิล ๆ และเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่า ราคาหุ้นค่อนข้างสตรองสุด ๆ แถมดาวน์ไซด์ก็น้อยกว่าแบงก์อื่น ๆ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่วานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 163 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท ผนวกกับการเทรดของหุ้นวันนี้ยังอยู่แค่ PE 10 เท่า แถมยังมีบุ๊กอยู่ที่ระดับ 269 บาท มันไม่มีอะไรต้องกลัวเลยนะเจ้านาย

แบงก์อีกรายที่ “โมนิก้า” ชื่นชอบมานาน และยังชื่นชอบเหมือนเดิม คงต้องมองไปที่หุ้น TTB ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่ยอดเยี่ยม และยังมีพัฒนาการในด้านปล่อยสินเชื่อที่โดดเด่น “โมนิก้า” จึงไม่เคยมีข้อกังขาเมื่อเห็นราคาหุ้นไต่เพดานสูงขึ้นอย่างช้า ๆ จนวานนี้เห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.64 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 671 ล้านบาท เลยเชื่อว่า แนวต้าน 1.70 บาทคงไม่คณามือหรอกค่ะ

ตบท้ายกันที่เสือซุ่มอย่าง TISCO กันดีกว่า เพราะมองในมุมของผลงาน..ก็ยังโอเค หรือมองในมุมราคาหุ้น..ก็ยังดูดี “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการขึ้นมาปิดที่ระดับ 97.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 332 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ประมาณปลายเดือน เม.ย. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 90 บาท ขณะที่ต้นปีราคาหุ้นยืนที่ระดับ 103 บาท..คุณ ๆ เชื่อว่า หุ้นจะไปต่อไหม?..ไปคิดกันดูนะจ๊ะ

Back to top button