วิกฤติส่งออกธัญพืชทะเลดำ

สุดท้าย “รัสเซีย” ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงรัสเซียกับยูเครนว่าด้วยการส่งออกธัญพืชจากท่าเรือในทะเลดำ หรือ “ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ”


สุดท้าย “รัสเซีย” ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงรัสเซียกับยูเครนว่าด้วยการส่งออกธัญพืชจากท่าเรือในทะเลดำ หรือ “ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ” ทำให้เกิดความกังวลให้กับทั่วโลกถึงความมั่นคงทางอาหารอีกครั้ง

เพราะนั่นหมายถึง..จะเกิดผลกระทบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากข้อตกลงส่งออกสิ้นสุดสัญญาลง

ก่อนหน้านี้มีสหประชาชาติ (UN) และตุรกี เป็นคนกลาง เพื่อช่วยทำข้อตกลง ช่วงเกิดการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน เมื่อช่วงเดือน ก.ค.ปี 65 ที่ผ่านมา เพื่อผ่อนคลายวิกฤติขาดแคลนอาหารโลก โดยมีการต่ออายุมาแล้ว 2 รอบ เนื่องจากยูเครนและรัสเซีย เป็น 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ ที่มีการส่งออกข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันพืชและผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ

โดยฝั่งรัสเซีย ออกมาระบุว่า จะกลับเข้าสู่ข้อตกลงอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลเครมลิน ได้รับประโยชน์ในส่วนที่ควรได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่รัสเซียมีความไม่พอใจอยู่ก่อนแล้ว จากข้อผูกมัดที่ “จำกัดการส่งออกธัญพืชและปุ๋ย” ได้อย่างเต็มจำนวน

ขณะที่ “ราคาข้าวสาลีล่วงหน้า” ปรับตัวสูงขึ้น 3% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากข้อตกลงดังกล่าวสิ้นสุดสัญญา โดยแตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 66 ที่ 689.25 เซนต์ต่อบุชเชล แม้ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ 1,175.5 เซนต์ต่อบุชเชล เมื่อเดือน พ.ค.ปี 65 ที่ผ่านมาก็ตาม

ส่วน “ราคาข้าวโพดล่วงหน้า” ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 526.5 เซนต์ต่อบุชเชล และ “ราคาถั่วเหลืองล่วงหน้า” ทะยานขึ้นไปแตะระดับ 1,388.75 เซนต์ต่อบุชเชล

โดย Peter Ceretti จาก Eurasia Group ระบุว่า การถอนตัวของรัสเซีย จะเพิ่มแรงกดดันต่อราคาอาหารในอนาคตที่ขณะนี้ต้องเผชิญกับภัยแล้งในยุโรปและความผันผวนจากเอลนีโญ

ตลาดจะได้รับผลกระทบมากสุดคือ “อเมริกาเหนือ”..!!!

“ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์” เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (UN) ออกมาตำหนิการกระทำรัสเซีย โดยระบุว่ารัสเซียสร้างผลกระทบต่อประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศกลุ่มเปราะบาง และเป็นการใช้มนุษยชาติเป็นตัวประกัน ด้วยการไม่ต่ออายุข้อตกลงทะเลดำ ที่อำนวยความสะดวกในการขนส่งอาหารที่มีขนาดเกือบ 33 ล้านเมตริกตัน

“ข้อมูลจากโครงการอาหารโลก (WFP) ระบุว่า มีผู้คนกว่า 345 ล้านคน กำลังได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นคงทางอาหารระดับสูงและสงครามอันโหดร้ายระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้ผู้คนหลายล้านคนตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกา”

ขณะที่ “ฮิโรคาสุ มัตสึโนะ” หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่าจะพิจารณาการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมสำหรับรัสเซีย ครอบคลุมถึงการยกระดับห้ามส่งออกยานพาหนะ หลังญี่ปุ่นสั่งห้ามจัดส่งรถยนต์หรูไปยังรัสเซียแล้ว

“ภายใต้ความร่วมมือกับกลุ่ม G7 และประชาคมนานาชาติ ญี่ปุ่นจะออกมาเรียกร้องอย่างเต็มที่ ให้รัสเซียกลับเข้าสู่กรอบข้อตกลงการส่งออกธัญพืช เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”

ทั้งนี้การถอนตัวของรัสเซีย จะส่งผลกระทบต่อโครงการอาหารโลก (World Food Program) ที่ให้ความช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาความอดอยาก เช่น โซมาเลีย เอธิโอเปีย และอัฟกานิสถาน ที่สำคัญส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารในประเทศที่ประสบปัญหาด้านความขัดแย้ง วิกฤติเศรษฐกิจและภัยแล้ง

ล่าสุดปริมาณการส่งออกธัญพืชเริ่มลดลงมาก่อนแล้ว โดยรัสเซีย ถูกกล่าวหาว่า เป็นคนถ่วงเวลาการตรวจสอบเรือขนส่งร่วมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการขนส่งอาหารเพียงเท่านั้นและไม่มีอาวุธปะปนอยู่ในเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่จากฝั่งรัสเซีย ยูเครน, สหประชาชาติและตุรกี ร่วมกันดำเนินการและยังไม่อนุญาตให้เพิ่มปริมาณเรือขนส่งด้วย

โดยปริมาณเรือขนส่ง ลดลงจาก 11 ลำ ช่วงเดือน ต.ค. 65 เหลืออยู่เพียง 2 ลำ เท่านั้นช่วงเดือน มิ.ย. 66 ขณะที่ปริมาณส่งออกธัญพืช ลดลงจากจุดสูงสุด 4.62 ล้านตันช่วงเดือน ต.ค. 65 เหลือเพียง 1.43 ล้านตัน ช่วงเดือน พ.ค. 66

ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดตั้งแต่เริ่มข้อตกลงนี้อย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว..!!

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น..กลายเป็นความเสี่ยงต่อหุ้นกลุ่มเกษตรและอาหารของไทย..ที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว…!!!

Back to top button