เปิดโผหุ้น SET100 โบรกปรับมูลค่าพื้นฐาน “ขึ้น-ลง”

เปิดโผหุ้นใน SET100 ที่ถูกปรับมูลค่าทางพื้นฐานขึ้น คือ AURA, WHA, TTB, SAWAD, BAM, HANA, SIRI, ADVANC, ERW, BH ขณะที่หุ้นที่ถูกปรับมูลค่าทางพื้นฐานลง คือ DOHOME, PTG, THANI, JMT, BTG, PSL, SCGP, GPSC, STA, KTC


บล.เอเชีย พลัส ระบุว่ากำไรงวดไตรมาส 2/2566 ของบริษัทจดทะเบียน รายงานออกมาแล้ว 9 บริษัท Market Cap 4.8% มีกำไรสุทธิรวม 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งหากพิจารณาจาก Bloomberg จะเห็นได้ว่า กำไรไตรมาส 2/2566 มี Negative Surprise หรือผิดจากการคาดการณ์ราว 0.5% ซึ่งบริษัทที่ช่วยพยุงให้กำไรรวมมี Negative Surprise ไม่มากคือ BBL ที่รายงานงบมาวานนี้ โดยมีกำไรไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ดีกว่าคาด 7% (เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ทำการรวบรวมกำไรงวดไตรมาส 2/2566 ที่ประกาศออกมาแล้ว 9 บริษัท และคาดการ์กำไรไตรมาส 2/2566 ของฝ่ายวิจัยฯ อีก 26 บริษัท มีกำไรรวม 1.08 แสนล้านบาท Market Cap 31% (ลดลง 14.3% จากไตรมาสก่อน และลดลง31.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อกำไรงวดไตรมาส 2/2566 และมีโอกาสที่กำไรรวมทั้งปี 2566 อาจต่ำกว่าประมาณการที่ฝ่ายวิจัยฯคาดไว้ที่ระดับ 1.12 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ปี 2566 ที่ 91.8 บาท/หุ้น

อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเริ่มเห็น Downside ของประมาณการกำไรปีนี้ คือ ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 ของ Consensus ปรับลดลงเรื่อย ๆ โดนต้นปีอยู่ที่ 106 บาท/หุ้น ต้นเดือน ก.ค.66 อยู่ที่ระดับ 93.9 บาท/หุ้น และล่าสุดอยู่ที่ระดับ 92.8 บาท/หุ้น

ดังนั้น ประเด็นดังกล่าว น่าจะเริ่มเห็นความจริงที่ชัดเจนขึ้นหลังเดือนนี้ ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลแห่งประกาศงบไตรมาส 2/2566 ที่แท้จริง โดยมีหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯทำการศึกษา 10 บริษัทอาทิ KTB (19 – 21 ก.ค.66) KBANK, KKP, SCB (21 ก.ค.66) SCGP, HMPRO (25ก.ค.66) SCC, TRUE (26 ก.ค.66) เป็นต้น ซึ่งต้องติดตามว่าจะทำให้ทิศทางกำไรไตรมาส 2/2566 จะเป็นเช่นไร และสร้าง Downside ต่อประมาณการกำไรปี 2566 มากน้อยเพียงไหน

โดยหากพิจารณาเป็นรายบริษัท จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ถึง ปัจจุบัน หุ้นใน SET100 ที่ถูกปรับมูลค่าทางพื้นฐานขึ้น คือ AURA, WHA, TTB, SAWAD, BAM, HANA, SIRI, ADVANC, ERW, BH ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผลตอบแทนราคาหุ้นตั้งแต่ต้นเดือนมักปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.0% มีเพียงบางบริษัทที่มีปัจจัยกดดันเฉพาะตัว อาทิ ERW, BH ขณะที่ทางฝั่งหุ้นใน SET100 ที่ถูกปรับมูลค่าทางพื้นฐานลง คือ DOHOME, PTG, THANI, JMT, BTG, PSL, SCGP, GPSC, STA, KTC ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลตอบแทนราคาหุ้นตั้งแต่ต้นเดือนมักปรับตัวลงเฉลี่ย 5.7%

ทั้งนี้สรุปช่วงเวลานี้เข้าใกล้ฤดูกาลประกาศงบรายบริษัทงวดไตรมาส 2/2566 ซึ่งจากข้อมูลด้านบนสะท้อนว่า กำไรงวดไตรมาส 2/2566 มีโอกาสลดลงทั้งจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปิดDownside ของประมาณการกำไรปี 2566 ดังนั้น SET Index มีโอกาสผันผวน และมองกรอบแนวรับแรกที่ระดับ 1,515 จุด ส่วนกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2566 เด่น หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตของรัฐบาลชุดใหม่ ชอบ SCB, SIRI, CRC เป็น Toppicks

Back to top button