BRI ตัวจี๊ดอสังหาฯ แนวราบ
จุดเด่นของ BRI เป็นอสังหาฯ ที่เน้นพัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน ทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้ค่อนข้างเร็ว
คุณค่าบริษัท
เทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้นและมาตรการ LTV ที่เข้มงวด เป็นตัวฉุดให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถฟื้นตัวได้เท่าที่ควร ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวกันยกใหญ่ รวมทั้งบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ที่หันมาเน้นดำเนินธุรกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ “B To The Top” สู่เป้าหมายผู้นำธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรรระดับท็อป
จุดเด่นของ BRI เป็นอสังหาฯ ที่เน้นพัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน ทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้ค่อนข้างเร็ว โดยในปี 2566 มีเป้าหมายที่ต้องพุ่งชน ด้วยเป้ารายได้รวม 9,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 40% จากปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 8,000 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 13,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 11,045 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 10,000 ล้านบาท ส่วนอีก 3,000 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการร่วมทุน (JV) โดยในปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ล่าสุดในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ทำยอด Presale สะสมได้แล้ว 5,385 ล้านบาท เติบโต 8% โดยได้เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ กระจายตัวใน 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น, พระนครศรีอยุธยา, สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัวบ้านจัดสรรโครงการใหม่ จำนวน 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 17,500 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ครบทุกแบรนด์ ทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา ตั้งแต่ 2.5-50 ล้านบาท
ด้านบล.หยวนต้า คาดผลประกอบการในไตรมาส 2/2566 ของ BRI เบื้องต้นกำไรปกติจะทรงตัวถึงเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แต่จะโตเด่นจากช่วงเดียวกันปีก่อน (คาดเบื้องต้นกำไรปกติไม่รวม Share Premium จะอยู่ในกรอบ 300-340 ล้านบาท)
ขณะที่ แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2566 จะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากทั้ง 3 โครงการที่เปิดตัวในช่วงไตรมาส 2/2566 จะเริ่มรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป และผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 จะเป็นจุดสูงสุดของปีตามแผนการเปิดตัวที่จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ คาดการณ์เงินปันผลสำปรับงวดปี 2566 และ 2567 ที่ 0.88 บาท/หุ้น และ 0.98 บาท/หุ้น (อิง Payout-ratio เท่ากับปี 2565 ที่ 54%) จะคิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 9.8% และ 10.9% ตามลำดับ สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมเช่นกัน
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น BRI ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 5.48 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.40 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด อย่างไรก็ตามถ้าไปดู P/BV ที่ระดับ 1.53 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.49 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 13.66 บาท จากราคาต่ำสุด 12.90 บาท และราคาสูงสุด 15.00 บาท