หมดทางไป!
โลกของการลงทุนไม่มีอะไรต้องคิดหนัก จนถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะอาการอย่างที่ว่านั้น มันเป็นอาการของพวกมือใหม่หัดเล่น
โลกของการลงทุนไม่มีอะไรต้องคิดหนัก จนถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะอาการอย่างที่ว่านั้น มันเป็นอาการของพวกมือใหม่หัดเล่น ซึ่งมักจะตื่นเต้นไปกับอารมณ์ของตลาดหุ้นมากเกินไป ทำให้หลงลืมไปว่า เมื่อถึงจังหวะขายทำกำไร ก็ต้องขายเอากำไรไว้ก่อน และพอถึงจังหวะต้องถอยเพื่อลดความเสี่ยง ก็ต้องตัดใจขายหุ้นให้ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น้องโมอยากจะกล่าวย้ำอีกครั้งก่อนหยุดยาวเจ้าค่ะ
เหล่านี้เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ว่า วันนี้ควรเอาอย่างไรดี? แถมข้อมูลที่แสดงออกมาในเที่ยวนี้ มันหมายถึงทุกคนพร้อมกระโดดหนีตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ช่วงนี้มีแต่ข่าวที่รบกวนจิตใจ เพราะเมื่อสำรวจปัจจัยรอบด้านก็พบว่า ไม่มีประเด็นบวกให้พูดถึงจริง ๆ ดัชนีถึงแกว่งตัวตุปัดตุเป๋ แถมพยายามดันกันเท่าไหร่ ก็ดันไม่ขึ้นสักที วานนี้ถึงเห็นดัชนีย่อตัวปิดที่ 1,524.59 จุด ลบไป 1.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.12 หมื่นล้านบาทไงล่ะคะ
งานนี้ไม่ต้องถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น เพราะมันเป็นเรื่องของ money game ซึ่งเหมือนกับประเด็นที่ “โมนิก้า” พยายามย้ำกับเหล่านักเล่นว่า ใครอ่านเกมหุ้นออกก่อน..คนนั้นได้เปรียบ และวันนี้ก็ปรากฏภาพเช่นนั้นให้เห็นจริง ๆ จึงไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกต่อไป เพราะสุดท้ายก็คงไม่มีใครสนใจเรื่องราวที่ผ่านมา ส่งผลให้การเข้าลงทุนในเที่ยวนี้เป็นเรื่องของความไวเพียงอย่างเดียว ส่วนเรื่องอื่นไว้คุยกันทีหลังนะจะบอกให้
เช่นเดียวกับในรายของ KBANK ถูกขายออกมาตั้งแต่เช้ายันเย็น ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 123 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.54 พันล้านบาท มันเป็นเกมที่เล่นกับความเชื่อที่ว่า ผลงานน่าผิดหวัง! ผสมผสานกับพวกนักลงทุนสถาบันตัวแสบขยันออกของตลอดเวลา ส่งผลให้ภาพในระยะสั้นดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่? แถมการเด้งขึ้นเที่ยวก่อน ๆ ก็ชนแนวต้านจังเบ้อเร่อ โอกาสที่หุ้นจะลงต่อ เลยมีค่อนข้างสูงนะจะบอกให้
เม้าท์ถึงเรื่องดังกล่าวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดู MTC อีกสักหน่อยดีกว่า หลังหุ้นโดนถล่มเป็นระลอกตลอดระยะเวลา 2 เดือน ทั้งที่ตอนขึ้นมาเรื่อย ๆ ใช้เวลานานถึง 3 เดือน มันเป็นพฤติกรรมที่ฟ้องให้รู้ว่า หุ้นตัวนี้กำลังถูกบั่นทอนด้วยความกังวลอย่างหนัก เพราะโดยปกติทั่วไปหุ้นไม่น่าจะรูดลงนานขนาดนี้ ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 34 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 442 ล้านบาท ยังไม่ใช่ราคาต่ำสุดของเที่ยวนี้นะคะ
เหมือนกับในรายของ EA พยายามเด้งขึ้นเป็นระลอก แต่ก็โดนรินขายออกมาเรื่อย ๆ แถมในบางหวะก็โดนกดลงมาหนัก ๆ ล้วนเป็นผลมาจากความกังวลที่มีต่อผลงานในปีนี้ และปีหน้า ราคาหุ้นถึงฟื้นตัวไม่ได้สักที! วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นม้วนตัวลงมาอีกครั้ง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 54.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 450 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติในยามที่ทุกอย่างไม่เป็นใจ แต่เชื่อเถอะว่า หุ้นตัวนี้คัมแบ็กได้แน่ ๆ..คอยดูแล้วกันนะจ๊ะ
อีกหนึ่งรายที่โดนจัดหนักจัดเต็ม “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่ SINGER เป็นรายถัดมาในทันที เพราะแรงขายที่ไหลออกมาตลอดเวลาทำให้รู้ว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 8.10 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท มันเป็นภาพของการขายทิ้งเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่ข่าวจริงจะออก จึงกลายเป็นจังหวะของการเฝ้าดูห่าง ๆ เป็นการชั่วคราวเจ้าค่ะ
ตบท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่ PHG ที่มีอาการไหลลงตลอดเวลา จนมองไม่เห็นจุดกลับตัวอยู่ตรงไหน? “โมนิก้า” กลับมองเป็นเกมที่สวยงามตามท้องเรื่อง เพราะเป็นการย่อตัวลงมาให้นักเล่นเข้ามาเก็บของ บวกกับของดีที่มีอยู่ในมือยังเอาออกมาโชว์ไม่หมดแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวนักลงทุนต้องกลับไปทำการบ้านเพิ่มเติม เพราะการลงมายืนปิดที่ระดับ 12.70 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 7.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 17 เท่าแบบนี้..ตามตำราเขามักพูดว่า ดาวน์ไซด์ต่ำพะย่ะค่ะ