BCPG กลับสู่โหมดเติบโต
BCPG ถูกวางให้เป็นเรือธงด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม ของกลุ่มบางจาก
คุณค่าบริษัท
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ถูกวางให้เป็นเรือธงด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม ของกลุ่มบางจาก ซึ่งที่ผ่านมาเติบโตดีมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่เปิดงบไตรมาสแรกปีนี้กำไรสุทธิลดลงกว่า 62.5% เหลือแค่ 511.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,363.0 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,057.2 ล้านบาท ลดลง 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 1,158.5 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากการหยุดผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว 2 แห่ง ได้แก่ โครงการ Nam San 3A ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงขวาง มีกำลังการผลิต 69 เมกะวัตต์ และโครงการ Nam San 3B ตั้งอยู่ที่เมืองไชยสมบูรณ์ มีกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity-EVN)
ประกอบกับ ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยลดลง เนื่องจากสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 56 เมกะวัตต์ ในเดือน ก.ค. และ ต.ค. 2565 และ มี.ค. 2566 อย่างไรก็ตามค่า Ft ที่ปรับเพิ่มขึ้น ช่วยบรรเทาผลกระทบของการสิ้นสุด Adder
ขณะที่ ไตรมาส 2/2566 ถูกมองว่าจะกลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง หลังจากโครงการ Nam San 3A และโครงการ Nam San 3B ได้เริ่มการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปยังเวียดนามตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าแห่งเวียดนามเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ไม่นับรวมผลพวงจากการปิดดีลซื้อโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Carroll County Energy LLC (CCE) กำลังการผลิตติดตั้ง 700 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่เขตแครอล รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา, โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ South Field Energy LLC (SFE) กำลังการผลิตติดตั้ง 1,182 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่เขตโคลัมเบียนา รัฐโอไฮโอ, โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ (ลิเบอร์ตี้) กำลังการผลิตติดตั้ง 848 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น แพทรีออต (แพทรีออต) กำลังการผลิตติดตั้ง 857 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 1/2566 ของ BCPG จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และกำไรน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ มีปัจจัยหนุนสำคัญในไตรมาส 2/2566 จาก 1) การกลับมาเปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว (มิ.ย. 2566) 2) การรับรู้กำไรเต็มไตรมาสจาก 2 โรงผลิตไฟฟ้าจากก๊าซในสหรัฐฯ และ 3) ฤดูกาลที่ดีต่อเนื่องของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์
นอกจากนี้ คาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะได้แรงหนุนจากฤดูกาลที่ดีของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในไตรมาส 3/2566 และความสำเร็จของดีลซื้อกิจการ โดยคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ในปี 2566 และแตะ 2 พันล้านบาท ในปี 2567
ด้านบล.เคจีไอ ระบุว่า ปรับเพิ่มกำไรปี 2567-2568 ขึ้นอีก 6-8% เพื่อสะท้อนดีล M&A ทั้ง 3 ดีล ในขณะที่ปรับกำไรปีนี้ลง 17% เพราะโรงไฟฟ้าพลังน้ำอ่อนแอลง สำหรับในไตรมาส 2/2566 เบื้องต้นคาดกำไรหลักอาจลดลงจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้า solar และพลังงงานลมในทุกทำเลที่ตั้ง แต่จะถูกชดเชยบางส่วนจากการรับรู้โครงการสหรัฐฯ เต็มไตรมาส และโครงการพลังน้ำกลับมาผลิตอีกครั้ง
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น BCPG ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 15.45 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.25 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 0.92 เท่า ก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.48 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 14.06 บาท จากราคาต่ำสุด 11.30 บาท และราคาสูงสุด 16.00 บาท