“บิ๊กตู่” เร่งขับเคลื่อนนโยบาย “อวกาศไทย” หนุนอาชีพสร้างรายได้
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ เผยถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งขับเคลื่อนจัดตั้งอวกาศไทย ใช้ประโยชน์จากกิจการ สร้างความมั่นคง สร้างรายได้ทางตรงเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (New S-Curve) สร้างอาชีพใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 300-400 อาชีพ
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เร่งขับเคลื่อนนโยบายอวกาศของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมในการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยได้สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างจัดตั้งท่าอวกาศยานในประเทศไทยคือ ฐานสำหรับการส่งและรับยานอวกาศ (spaceport) ซึ่งหากประเทศไทยมีท่าอวกาศยานของตนเองจะก่อให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอวกาศ
อีกทั้งยังเกิดการสร้างรายได้ทางตรงจากอุตสาหกรรมอวกาศ โดยอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ (Aerospace Industry) เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (New S-Curve) และถือเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่งผลไปถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ จึงเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำให้ศึกษารายละเอียดรอบด้านอย่างรอบคอบและระมัดระวังที่สุด ทั้งความคุ้มค่าและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ซึ่งสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ตั้งแต่ปลายปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาอีกประมาณ 1-2 ปี
โดยเบื้องต้นพบว่าประเทศไทยมีคุณสมบัติที่มีศักยภาพเหมาะสมถึง 5 ด้าน ได้แก่ 1.ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรที่มีผลต่อการนำส่งอวกาศยานที่จะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงาน 2.มีทะเลขนาบทั้งสองด้านทำให้มีมุมปล่อยอวกาศยานได้หลากหลายแบบ 3.มีแนวชายฝั่งที่เป็นคาบสมุทรสามารถกำหนดจุด Drop Zone ที่ไม่กระทบกับพื้นที่บนฝั่ง และยังสามารถออกเก็บกู้วัตถุที่ตกลงมาได้ง่าย 4.มีระบบโลจิสติกส์ที่เข้าถึงง่าย หลายหลาย มีระบบท่าเรือน้ำลึกและท่าอากาศยาน และ 5.ไม่มีภัยพิบัติรุนแรง ทำให้ไทยมีโอกาสและแนวโน้มที่จะเกิดโครงการนี้ได้จริง
“หากท่าอวกาศยานในประเทศไทยจัดตั้งได้สำเร็จจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางอวกาศขนาดใหญ่ นอกจากจะยกระดับวิทยาศาสตร์อวกาศ เทคโนโลยีอวกาศแล้ว ยังส่งเสริมและผลักดันธุรกิจอวกาศ อุตสาหกรรมอวกาศ ยกระดับเศรษฐกิจและสังคมและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ, อุตสาหกรรมการผลิตอุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นต้น สร้างอาชีพใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 300-400 อาชีพ ได้แก่ ช่างประกอบจรวด, ช่างประกอบเพย์โหลด, ช่างขัดท่อจรวด, ช่างอิเล็กทรอนิกส์ระบบจรวด, ช่างไฟฟ้าระบบจรวด, เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการนำเข้าจรวด, พนักงานขายตั๋วเที่ยวบินไปอวกาศ ฯลฯ ซึ่งยังไม่เคยมีเกิดขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่ล้ำสมัย นำไปสู่ความการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และยังทำให้ประเทศไทย เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศแห่งภูมิภาคเอชีย-แปซิฟิกได้” น.ส.ทิพานัน กล่าว
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ริเริ่มวางรากฐานพัฒนาด้านอวกาศไทยมาโดยตลอด เช่น ผลักดันให้มีร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศ พ.ศ. …. และผลักดันให้เกิดแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ.2566-2580 (National Space Master Plan 2023-2037) ขึ้น เพื่อพัฒนาและใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศเพื่อความมั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน ของประเทศไทย ให้แข่งขันกับนานาประเทศได้