BCP โชว์งบครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 1.5 แสนล้าน กำไรแตะ 3.2 พันล้าน

BCP โชว์งบครึ่งปีแรกกวาดรายได้ขาย-บริการ 1.5 แสนล้านบาท กำไรแตะ 3.2 พันล้านบาท ลุ้นไตรมาส 3/66 แจ่ม รับน้ำมัน-ค่าการกลั่นพุ่ง


บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่  30 มิถุนายน 2566

โดยผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่มบริษัทบางจากมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 148,403 ล้านบาท ลดลง 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA 17,620 ล้านบาท ลดลง 33% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ได้รับปัจจัยกดดันจาก Operating GRM ที่ลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งแรกมีร 1H/2565 เนื่องจากราคาพลังงานที่ปรับลดลง จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่กระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ส่งผลให้กลุ่มบริษัทบางจาก มี Inventory Loss 2,952 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV)

อย่างไรก็ดี จากการที่กลุ่มบริษัทบางจากได้มีการลงทุนและขยายธุรกิจส่วนอื่นๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น อาทิ การเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนจาก Wintershall Dea ซึ่งช่วยหนุนให้ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติสองแห่งเพิ่มเติมในสหรัฐฯ (Carrol & South Field)เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทบางจาก ส่งผลให้งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 3,199 ล้านบาท ลดลง 67% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น กำไรต่อหุ้น 2.16 บาท

ส่วนผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 2/66 กลุ่มบริษัทบางจากมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 68,023 ล้านบาท ลดลง 15% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA  อยู่ที่ 6,628 ล้านบาท ลดลง 40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 47% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาสนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันได้รับ ปัจจัยกดดันจากราคน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าการกลั่นปรับตัวลดลง โรงกลั่นจึงต้องปรับลดกำลังการผลิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่ 118.6 พันบาร์เรลต่อวัน อีกทั้งส่งผลให้กลุ่มบริษัทบางจาก มี Inventory Loss 1,036 ล้านบาท (รวม NRV ประกอบกับปริมาณการจำหน่ายที่ลดลงของธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ในไตรมาสก่อนมีปริมาณการจำหน่ายมากกว่ากำลังการผลิตตามสัญญาอย่างมีนัยสำคัญ (Overlift)

อย่างไรก็ดี กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศ สปป.ลาว ได้เริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปยังประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตามสัญญาซื้อขายไฟกับ EVN ในเดือนมิ.ย. 66 หลังจากหยุดการผลิตใน (1/2566 โดยในไตรมาสนี้มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 458 ล้านบาท ลดลง 83% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 91% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.24 บาท

ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน สำนักงานพลังงานสากล (EA) คาดว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในปี 2566 ซึ่งเป็นผลจากสภาวะอุปทานในตลาดตึงตัวโดย EA คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 102.1 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2566 ทั้งนี้ EA คาดว่าอุปสงค์จากจีนมีสัดส่วนความต้องการที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 ของอุปสงค์น้ำมันที่เติบโตในปี 2566

จากการประเมินคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยดูไบในไตรมาส 3/66 จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ USS75-85/BBL เนื่องจากราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวหลังจากกลุ่มโอเปกพลัสมีนโยบายปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบตลอดทั้งปี2566 และอุปสงค์น้ำมันจากจีนที่ฟื้นตัว

ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเดทเบรนท์กับดูไบ (DTD-DB) ในไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ USS 0.6-1.0/8BL โดยส่วนต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 จากการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบในยุโรปปรับตัวสูงขึ้นหลังจากโรงกลั่นกลับมาดำเนินการผลิตจากฤดูกาลซ่อมบำรุง

โดยคาดว่าในไตรมาส 3/2566 ค่าการกลั่นของโรงกลั่นประเภท Cracking ที่สิงคโปร์ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2566 ตามปัจจัยหนุนจากตลาดน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง รวมทั้งอุปสงค์ในจีนที่จะฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของจีนชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มขึ้นถูกจำกัดด้วยอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นทั่วโลกคงกำลังการผลิตในระดับสูง

Back to top button