การย้ายพรรคกับฝันกลางวันกลางฤดูฝน

การทรยศ ที่ทำให้ประวัติศาสตร์โลกต้องเปลี่ยนโฉมในระบอบประชาธิปไตยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่บันทึกกันไว้ คือกรณี วินสตัน เชอร์ชิล ประกาศกลางสภาอังกฤษว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลตัวเองแล้วเดินข้ามไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพรรคตัวเอง ทำให้สส.หลายคนในพรรคเดินตามเชอร์ชิลจนทำให้รัฐบาลชุดนั้นล่มลง

แต่กรณีของจาตุรนต์ ฉายแสง พร้อมด้วยสส.ของพรรคเพื่อไทย 24 คนที่มีข่าวลือว่าจะย้ายไปร่วมกับพรรคก้าวไกลต้องถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการทรยศของโลกที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เพราะกรณีเช่นนี้ไม่ทำกันได้ง่าย ๆ ทุกคนต้องเสียสละต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศต่ออุดมการณ์ของพรรค แต่กรณีนี้เกิดจากตัวพรรคเป็นฝ่ายทรยศต่อนโยบายของพรรคที่หาเสียงไว้กับประชาชนว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคที่มีแนวทางเผด็จการ

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเลือกตัดพรรคก้าวไกลออกแล้วจับมือกับพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียงโหวตในสภาต่ำกว่า 50 เสียง ถือเป็นสูตรคณิตศาสตร์การเมืองที่แปลกประหลาดนั้นเพราะคาดว่าจะได้เสียงจากสว. (มนุษย์ดึกดำบรรพ์) อีกไม่ต่ำกว่า 200 เสียง ซึ่งจะทำให้ตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยลืมไปว่าเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ตั้งรัฐบาลได้แต่ปกครองไม่ได้ เพราะพรรคใหญ่อันดับหนึ่ง (ก้าวไกล) กลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งพร้อมจะขย่มรัฐบาลได้ตลอดเวลา

การทรยศของจาตุรนต์ ฉายแสง และพวก จะทำให้คณิตศาสตร์การเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีอำนาจต่อรองสูงขึ้น และรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนกลางจะอ่อนแอลงมากจนถึงขั้นยอมผสมพันธุ์กับพรรคประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนาได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ด้วยเป้าหมายเดียวที่ไม่ต้องประกาศก็รับรู้กัน คือนำทักษิณเจ้าของพรรคตัวจริงกลับบ้าน ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการตัดอนาคตของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งคราวหน้า (ถ้าอาจจะมี) เพราะประชาชนที่ไปเลือกตั้งไม่ใช่วัวควายที่จะยอมให้สนตะพายง่าย ๆ กับคำที่ว่าปากท้องมาก่อนเสรีภาพรอได้

การทรยศครั้งนี้อาจทำให้จาตุรนต์ ฉายแสง ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไปแทนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ถูกตัดสิทธิด้วยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจนกระทั่งพรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคคนไร้หัวอยู่พอดี

ที่ผ่านมาจาตุรนต์สามารถสร้างตนเองจนมีบารมีเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย แต่ติดขัดที่ญาติพี่น้องซึ่งเป็นสส.เขตฉะเชิงเทรายังอ่อนแอต้องใช้เงินในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ทำให้ไม่สามารถทำตัวอิสระได้ดีพอทั้งที่มีชื่อในปาตี้ลิสต์ของพรรคในเครือข่ายทักษิณอย่างไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย และไทยรักษาชาติ ที่ทักษิณไม่อาจจะทิ้งเขาได้ แต่ก็เป็นที่รู้กันในวงในว่าเป็นคนที่ทักษิณชื่นชอบน้อยที่สุด โดยให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงที่ไม่สำคัญ

แม้ข่าวข้างต้นดังกล่าวทั้งหมดจะเป็นแค่ข่าวโคมลอย เพราะการย้ายพรรคในขณะที่เป็นสส.โดยกติการัฐธรรมนูญปี 60 นั้นทำไม่ได้ เพราะจะหลุดจากสถานภาพการเป็นสส.ทันที ยกเว้นจะโดนไล่ออกจากพรรค ซึ่งเพื่อไทยไม่ทำอยู่แล้ว เว้นแต่จะออกเสียงโหวตค้านกับพรรคอย่างเปิดเผยในสภา

ใครที่คาดหวังทางบวกจากกรณีนี้จึงต้องกินแห้วไปพลาง ๆ ก่อนจนกว่าจะถึงวันโหวตจริงในสภา

ระหว่างนี้การทรยศที่ยิ่งใหญ่จริงยังไม่เกิดขึ้น กลายเป็นแค่ฝันกลางวันในฤดูฝน