BH วิ่ง 6% รับกำไร Q2 ทะลุ 1.7 พันล้าน ดีกว่าคาด! โบรกชูเป้า 265 บาท

BH วิ่ง 6% รับกำไร Q2 ทะลุ 1.7 พันล้านบาท ดีกว่าคาด! เคาะปันผล 1.35 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 24 ส.ค. 66 โบรกคาดครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 265 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ส.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ล่าสุด ณ เวลา 10:06 น. อยู่ที่ระดับ 242 .00 บาท บวก 13.00 บาท หรือ 5.68% สูงสุดที่ระดับ 248.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 239.00 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของ BH กำไรสุทธิออกมาดีกว่าคาด แม้อยู่ในช่วง low season จากช่วงเทศกาลวันหยุดยาว โดย BH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 1,748 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน) โดยมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ 60 ล้านบาท หากไม่รวมรายได้พิเศษกำไรปกติอยู่ที่ 1,688 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน

โดยรายได้อยู่ที่ 6,029 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของหีก่อน , แต่ลดลง 0.3% จากไตรมาสก่อน) โดยสัดส่วนต่างชาติอยู่ที่ 65% ทำให้รายได้ต่างชาติอยู่ที่ 3,931 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน) และรายได้คนไข้ไทยอยู่ที่ 2,098 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน เติบโตต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วง low season จากวันหยุดยาวของวันสงกรานต์และตรงกับช่วงรอมฎอนของชาวตะวันออกกลาง ซึ่งเทศกาลอยู่ในช่วงปลายเดือน มี.ค. -เม.ย. ทั้งนี้รายได้ที่เพิ่มขึ้นและ u-rate ที่ดีขึ้นหลังจาก renovate ห้องผู้ป่วยที่ทาให้รองรับผู้ป่วยมากขึ้นทำให้ GPM เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 49.6%

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 1.35 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล (XD) วันที่ 24 ส.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 6 ก.ย. 2566

ทั้งนี้หลังการประชุมนักวิเคราะห์ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 ส.ค. 66 นี้  โดยเดิมทาง บล. ดาโอ ประเมินกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 5,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และในปี 2567 ประเมินกำไรสุทธิ 5,766 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน โดยมองครึ่งหลังของปี 2566 จะเติบโตดีเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้า จากการเข้าสู่ช่วง high season จากอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยโรคประจาฤดูกาลได้แก่ ไข้หวัดธรรมดา, ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก เป็นต้น

ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยคงราคาเป้าหมายที่ 265.00 บาท อิงปี 2566 PER ที่ 40.0 เท่า โดยยังมี catalyst จาก medical tourismvisa ที่ทาให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้า-ออกประเทศสะดวกมากขึ้น และการที่เริ่มเป็นที่รู้จักในซาอุฯ และโอมานอาจทาให้ผู้ใช้บริการมากกว่าที่คาดการณ์ รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาทำให้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงไปแล้ว

Back to top button