XO วิ่งต่อ 4% “ออลไทม์ไฮ” อัพเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 30% รับยอดขายมะกันทะลัก!

XO วิ่งต่อ 4% “ออลไทม์ไฮ” ส่งซิกยอดขายไตรมาส 3/66 ทำจุดสูงสุดใหม่ หลังยอดขายสหรัฐฯ-อเมริกาเหนือล้นทะลัก! ล่าสุดประกาศปรับเป้าใหม่รอบ 3 ปีนี้ รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เตรียมปันผลครึ่งปี 0.358 บาทต่อหุ้น แขวนป้าย XD 31 ส.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ส.ค.66) บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลา 10:40 น. อยู่ที่ระดับ 30.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.24% สูงสุดที่ระดับ 30.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115.71 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงตั้งแต่เข้าตลาดฯเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2557

ด้านนายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ XO เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศทางข่าวหุ้นทีวีออนไลน์ และ FM 102 MHz ว่า ทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 จะเติบโตได้ดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 เนื่องจาก ณ ปัจจุบันมียอดขายเทียบเท่าไตรมาส 2 ทั้งไตรมาสแล้ว ซึ่งในไตรมาส 2/2566 มียอดขายรวม 616 ล้านบาท พร้อมทั้งมี Market Cap หรือมูลค่าตลาดของสินทรัพย์ทะลุ 10,000 ล้านบาท

สำหรับครึ่งแรกปี 2566 บริษัทมียอดขายจากอเมริกาเหนือเติบโตอย่างโดดเด่น หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายรวม ถือว่าดีกว่าแผนงานที่วางไว้ ดังนั้นจึงปรับเป้าหมายสัดส่วนยอดขายจากอเมริกาเหนือขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 15% จากเดิมคาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะทำได้ 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ไม่มียอดขาย (หรือ 0%) สะท้อนจากคำสั่งซื้อ (Order) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากลูกค้าสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และ เม็กซิโก

ดังนั้น ด้วยผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องทั้งช่วงไตรมาส 1/2566 และไตรมาส 2/2566 บริษัทจึงปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายอีกครั้งเป็นเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หลังจากเดือน มี.ค. 2566 บริษัทเคยปรับเพิ่มขึ้นเป็นเติบโต 20% จากแผนงานเดิมที่วางไว้ว่าจะมียอดขายเติบโต 10% เมื่อเทียบปี 2565 ที่มียอดขายรวม 1,524 ล้านบาท หลังช่วง 6 เดือนแรก มียอดขายรวมแล้ว 1,011 ล้านบาท

ทั้งนี้ ไตรมาส 4/2566 หรืออย่างช้าสุดช่วงต้นปี 2567 บริษัทยังเตรียมวางขายสินค้าใหม่ (ซอสชนิดหนึ่ง) เพิ่มเติม เชื่อว่าจะช่วยหนุนยอดขายในปี 2567 ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2566 อีกด้วย หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป บวกกับจะเน้นจากขายสินค้าผ่านช่องทางตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีการกระจายสินค้าเพียงช่องทางค้าปลีกดั้งเดิม

ส่วนกรณีปัญหาการสั่งสินค้าที่เคยลดลงช่วงปี 2565 ปัจจุบันออเดอร์ลูกค้ารายเดิมทั้งฝั่งยุโรปและโอเชียเนียทยอยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทุกราย หรือเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก และบางรายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 30% บวกกับมีออเดอร์จากลูกค้ารายใหม่อย่างแคนาดา สหรัฐอเมริกา และ เม็กซิโก ที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเชื่อว่ายอดขายจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไตรมาส 3/2566 อีกครั้ง (สูงกว่าไตรมาส 2) ถือเป็นยอดขายรายไตรมาสสูงสุด จากที่เคยทำได้ 400 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีก่อน

นอกจากนี้ กรณีซอสพริกศรีราชาของฮุยฟงฟู้ดส์ ในสหรัฐน ขาดตลาด-ราคาขายพุ่งสูงขึ้นช่วงที่ผ่านมานั้น ปัญหาแท้จริงไม่ได้เกิดจากการขาดแคลนพริกตามที่ทางฮุยฟงฟู้ดส์ ระบุไว้ เนื่องจากซอสพริกแบรนด์อื่น ๆ ยังวางขายเต็มพื้นที่วางสินค้า แต่น่าจะเป็นปัญหาเรื่องการฟ้องร้องของ “ฮุยฟงฟู้ดส์” เองมากกว่า ทั้งคดีความซัพพลายเออร์และบุคคลในบริษัทเอง หรือปัจจัยลบภายในอื่น ๆ

แม้หาก “ฮุยฟงฟู้ดส์” กลับมาสู่ภาวะปกติ บริษัทมองว่าไม่ได้กระทบอะไร หรือเกี่ยวข้องกับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากออเดอร์จากลูกค้ายังสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนถึงยอดขายของแบรนด์ XO ที่ทำได้ดี และที่สำคัญไตรมาส 2/2566 สามารถทำยอดขายในสหรัฐอเมริกาได้มากกว่า 100 ล้านบาทแล้ว และคาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท หรือมาร์เก็ตแชร์ 7.5% ของยอดขายฮุยฟงฟู้ดส์ ที่มียอดขายประมาณ 4,400 ล้านบาท และอนาคตยังมุ่งเน้นทำการตลาดต่อเนื่อง เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นผู้นำตลาดขายซอสอันดับที่ 2 ของตลาดต่อไป โดยตลาดซอสในอเมริกา มีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาท ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

ส่วนปัจจัยต้นทุนราคาวัตถุดิบหลัก ทั้งพริก น้ำตาล และกระเทียม แม้ราคาวัตถุดิบหลักมีการปรับตัวขึ้นมาบ้าง แต่ยังสามารถบริหารจัดการได้ดีมาก และมีการปรับราคาขายขึ้นให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บวกกับค่าใช้จ่ายทุกภาคส่วนยังบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งปัจจุบันอัตรากำลังผลิตเพิ่มขึ้นสูงเกิน 110% ถือเป็นช่วงที่ดีมากของ XO ที่จะสามารถทำกำไรได้ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากการประหยัดดต่อขนาดหรือต้นทุนต่อหน่วยลดลง

“XO เมื่อยอดขายเปิด กำไรเราจะเปิดตาม สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่ไตรมาส 1/2566 มียอดขายประมาณ 400 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 96 ล้านบาท มาไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท และไตรมาส 3/2566 มียอดขายทะลุเท่ากับไตรมาส 2/2566 ไปแล้ว จึงน่าจะเห็นการเติบโตที่ดี” นายจิตติพร กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงแผนงานเดิมในการขยายกำลังการผลิตโรงงานใหม่ในอุตสาหกรรมโรจนะ แหลมฉบัง ขนาด 40 ไร่ ด้วยงบลงทุน 700-800 ล้านบาท เบื้องต้นจะเริ่มก่อสร้างช่วงครึ่งแรกปี 2567 อย่างไรก็ตาม XO ไม่มีแผนย้ายโรงงานผลิตออกสู่ต่างประเทศ เนื่องจากมีความภูมิใจและต้องการให้สินค้าผลิตได้แค่ในประเทศไทย บวกกับการที่สินค้าระบุแหล่งผลิตมาจากประเทศไทยนั้น ยังได้เกรดสินค้าที่พรีเมียมอีกด้วย สะท้อนจากบริษัทอื่นที่ถูกกดดันราคาหลังย้ายโรงงาน

ส่วนการทำการตลาดในประเทศใหม่ ๆ นอกเหนือจากอเมริกาเหนือแล้ว บริษัทอยู่ระหว่างการมองแนวทางเข้าไปเจาะตลาดอเมริกาใต้และยุโรปตะวันออกเพิ่มเติมอีกด้วย หากทำได้ดี จะเป็นตลาดขนาดใหญ่พอสมควร ส่วนตลาดประเทศจีนยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ได้พบตัวแทนขาย หรือกระจายสินค้าที่ดีนัก หากมีความพร้อมและตลาดมีการขยายตัว XO พร้อมที่จะขยายตลาดอย่างเต็มที่

นายจิตติพร กล่าวอีกว่า ช่วงไตรมาส 4/2566 หรือช้าสุดช่วงต้นปี 2567 บริษัทยังเตรียมวางขายสินค้าใหม่ (ซอสชนิดหนึ่ง) เพิ่มเติม เชื่อว่าจะช่วยหนุนยอดขายปี 2567 ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปี 2566 อีกด้วย หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป ผนวกกับจะเน้นจากขายสินค้าผ่านช่องทางตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ เนื่องจากปัจจุบัน XO มีการกระจายสินค้าเพียงช่องทางค้าปลีกดั้งเดิม

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรก อัตรา 0.358 บาทต่อหุ้น เป็นการจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กำหนดวันขึ้น XD วันที่ 31 ส.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 ก.ย. 2566

Back to top button