พาราสาวะถี
สุดสัปดาห์นี้จะมีมหกรรมวิ่งฝุ่นตลบเกิดขึ้นกับทุกพรรคการเมืองซีกร่วมตั้งรัฐบาลพิเศษกับเพื่อไทย วันนอร์ นัดประชุมเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีหนที่ 3
สุดสัปดาห์นี้จะมีมหกรรมวิ่งฝุ่นตลบเกิดขึ้นกับทุกพรรคการเมืองซีกร่วมตั้งรัฐบาลพิเศษกับเพื่อไทย เนื่องจาก วันมูหะมัดนอร์ มะทา นัดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหนที่ 3 ในวันอังคารที่ 22 สิงหาคมนี้ โดยเป็นที่แน่นอนแล้วว่า พรรคที่จะยกมือหนุน เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ คนที่ 30 คือผู้ถูกเลือกอยู่ในสมการ จะต้องมีการแบ่งเค้กเก้าอี้รัฐมนตรีกันให้เรียบร้อยก่อนวันประชุม โดยที่พรรคแกนนำจากที่เตรียมแผนติ๊ดชึ่งไว้ก่อนหนีไม่ออกต้องยอมตามนั้น
ไม่พลาดขบวนเช่นกันสำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ หากเป็นไปตามนี้แล้วเพื่อไทยตอบรับเสียงหนุนจากพรรคประชาธิปไตยใหม่ จะทำให้มีเสียง สส.ที่พร้อมจะโหวตให้เศรษฐายืนพื้นที่ 315 เสียง ขาดอีก 60 เสียงก็จะถึงเป้าหมาย น่าจับตาท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมในรอบนี้ แต่มีข่าวแว่วมาว่า 21 เสียงของกลุ่มเพื่อนต่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคพร้อมที่จะยกมือหนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคคู่รักคู่แค้น เป็นการหมั้นหมายกันไว้ก่อน
หากเดินได้แบบนี้ ก็เท่ากับว่าโจทย์ว่าด้วยเสียงหนุนจากพวกลากตั้งจะขาดอีกแค่ 39 เสียง ถ้า 13 เสียงที่เคยโหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก่อนหน้ายังย้ำจุดยืนเดิม จะเหลือการบ้านให้เพื่อไทยและพรรคร่วมตั้งรัฐบาลไปหาเสียงเพิ่มอีกเพียงแค่ 26 เสียง ซึ่งไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรง ยิ่งได้พรรค 2 ลุงเข้าร่วมด้วยแล้ว จึงไม่ควรที่จะมีปัญหาเรื่องเสียงหนุนจากพวกลากตั้ง เว้นเสียแต่มีเจตนาที่จะไม่ให้แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยไปถึงฝั่งฝันนั่นก็อีกเรื่อง
มาถึงนาทีนี้แล้ว แนวโน้มของเพื่อไทยกับการพลิกขั้ว เทเดิมพันหมดหน้าตักจึงไม่น่าจะพลาด ประเด็นที่มีการแฉ และคนไปร้องใช้ช่องทางกรรมาธิการของพวกลากตั้งเล่นงานเศรษฐานั้น ว่ากันว่าเรื่องแบบนี้มีกระบวนการตรวจสอบเพื่อทำให้เกิดความโปร่งใสได้อยู่แล้ว ที่สำคัญเมื่อยังไม่มีหน่วยงานที่ถูกพาดพิงแสดงความกังขาว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทว่าที่นายกฯ ไม่สุจริต โปร่งใส นั่นเท่ากับว่าผู้ถูกกล่าวหาย่อมเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ขาดคุณสมบัติที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกเป็นนายกฯ
เว้นเสียแต่ว่า จะมีการหาเหตุซึ่งก็จะหาได้กับแคนดิเดตนายกฯ ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. พวกลากตั้งอาจไม่แตะ แต่ สส.ไม่ปล่อยผ่านแน่นอน และอาจจะกลายเป็นการรุมสหบาทาโดยมิได้นัดหมายระหว่างฝ่ายค้านอย่างก้าวไกล และพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ โดยเฉพาะเพื่อไทย เหมือนอย่างที่ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เตือนดัง ๆ หากพรรคนายใหญ่ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้แล้ว พรรคอื่นก็อย่าหวังว่าจะตั้งได้ เท่ากับเป็นการส่งซิกว่า ถ้าไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ไม่มีทางที่เพื่อไทยจะโหวตให้คนอื่น พรรคอื่นเช่นกัน แม้จะอ้างเสียงพวกลากตั้งก็จะเป็นได้แค่รัฐบาลเสียงข้างน้อยเท่านั้น
มาถึงตรงนี้ ทั้งพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลจึงมองข้ามเรื่องการโหวตนายกฯ ไปแล้ว ปัญหาที่จะมีบ้างในวันประชุมคือพวกลากตั้งขาประจำอาจจะเสนอให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ที่จะถูกเลือก เมื่อฟังบทสัมภาษณ์จากวันนอร์แล้ว แนวโน้มที่จะไม่ให้มีเรื่องดังกล่าวเป็นไปได้สูง ด้วยเหตุที่ว่าข้อบังคับการประชุมไม่ได้กำหนดให้ผู้ถูกเสนอชื่อต้องแสดงวิสัยทัศน์ รวมทั้งรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนด ที่สำคัญคือแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยไม่ได้เป็น สส. จึงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุม และก็ไม่รู้จะใช้อะไรไปบังคับให้ต้องมาเข้าประชุมเพื่อแสดงวิสัยทัศน์
งานนี้ถือเป็นการตีรวนตั้งป้อมของพวกลากตั้งขาประจำเท่านั้น ความจริงเมื่อสแกนไปยังพวกหน้าเดิมก็รู้อยู่แล้วว่า หากไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคขั้วเดิม คนพวกนี้ก็ไม่มีวันที่จะยอมรับอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทยยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งหมดมันจบที่การปิดดีลของผู้มีอำนาจตัดสินใจผ่านการบินไปเจรจาก่อนหน้านั้นทั้งหมดแล้ว โดยพวกที่เคยเป็นเสนาบดีจากรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต่างแต่งตัวรอที่จะกลับไปทำงานตามเดิมแล้ว โดยเฉพาะภูมิใจไทยของ อนุทิน ชาญวีรกูล คนในพรรคกระดี๊กระด๊าเป็นการใหญ่
ประเด็นที่ฝ่ายประชาธิปไตยผู้อกหักจากการฉีกเอ็มโอยูของเพื่อไทยต้องการเห็นและเรียกร้องคือ การทำตามสัญญาของ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งเคยประกาศว่าจะลาออกจากความเป็นหัวหน้าพรรคหากมีการดึงพรรค 2 ลุงเข้าร่วมรัฐบาล คงได้เห็นกันแน่ แต่ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรสำหรับเจ้าตัว เพราะมีตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเครื่องปลอบใจ ในฐานะหนังหน้าไฟทั้งสามคนการันตีได้ว่าจะมีตำแหน่งแห่งหนในรัฐบาลอย่างแน่นอน
ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคงเป็นอำนาจของคนที่จะได้รับเลือกเป็นนายกฯ อย่างเศรษฐา จะได้มีส่วนร่วมในการจัดวางคนเหมือนอย่างที่เคยประกาศเจตนารมณ์ไว้ก่อนหน้าหรือไม่ เอาเข้าจริงอาจจะมีโควตากลางแค่ไม่กี่เก้าอี้ให้คนที่เป็นผู้นำสามารถเลือกคนที่วางใจมาช่วยทำงาน ซึ่งหนีไม่พ้นกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ที่มีข่าวแว่วว่ามีการเล็งไปยังผู้บริหารสถาบันการเงิน และคนที่อยู่ในแวดวงนักลงทุน อยู่ระหว่างการประสานงาน ซึ่งผู้ที่อยู่ในข่ายกำลังวิเคราะห์อยู่ว่า รัฐบาลที่ตั้งขึ้นมีเสถียรภาพมากพอที่จะเอาชื่อเสียงที่สั่งสมมาเข้าไปเสี่ยงด้วยหรือไม่
เอาเป็นว่าช่วงเวลา 3-4 วันที่เหลือก่อนโหวตเลือกนายกฯ ต้องเกาะติดกันอย่ากะพริบตา ทั้งการจัดสรรปันส่วนรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกฯ ถ้าเป็นเศรษฐาไม่มีเปลี่ยนตัว ตำแหน่งเสนาบดีที่พรรคขั้วเดิมตั้งความหวังไว้ เพื่อไทยก็น่ายินดีที่จะประเคนให้ตามความต้องการ แต่หากหลุดไปจากนี้แล้วยังไม่มีอะไรการันตีได้ถึงความแน่นอนในการเลือกผู้นำประเทศก็น่าจะเอวัง การตั้งรัฐบาลที่ยืดเยื้อนานกว่า 3 เดือนหลังเลือกตั้ง คือมรดกบาปของพวกอยากอยู่ยาว รัฐบาลใหม่ตั้งได้แล้วต้องสังคายนารื้อทิ้งสิ่งปฏิกูลจากเผด็จการสืบทอดอำนาจทิ้งให้หมดทันที