ORI เปิดตัว 24 โครงการใหม่ ดันรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 3 หมื่นล้านบาท
ORI มั่นใจครึ่งปีหลังโตแกร่ง ลุยเปิด 24 โครงการใหม่ 2.87 หมื่นล้านบาท ผลักดันรายได้ปีนี้แตะระดับ 3 หมื่นล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยข้อมูลถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ว่า จาก Backlog ที่ถืออยู่ทั้งหมดนั้น เชื่อว่าทิศทางครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตขึ้นได้มากกว่าครึ่งปีแรกเป็นอย่างมาก เนื่องจากโครงการใหม่ที่แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/2566 และไตรมาส 4/2566 จำนวนมาก ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 7 โครงการ และโครงการแนวราบใหม่อีก 15 โครงการ โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการโอนโครงการใหม่ที่มีมูลค่า Backlog อยู่แล้วเข้ามา 1.38 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่เกือบ 3.3 หมื่นล้านบาท จะหนุนรายได้ปีนี้ของบริษัทฯ ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า ในไตรมาสที่เหลือนี้ทางบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นของในครึ่งปีหลังกลับมาเพิ่มขึ้นได้หลังจากที่ในไตรมาส 2/66 ปรับตัวลงมาที่ 31.8% เนื่องจากยอดโอนต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน พร้อมกับยอดโอนที่จะได้จาก 24 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 2.87 หมื่นล้านบาท ที่กำลังจะเปิดตัวจะดันให้กำไรขั้นต้นในครึ่งปีหลังกลับมาเติบโตได้
โดยโครงการคอนโดมิเนียมที่กำลังจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังได้แก่ 1. แกรนด์ แฮมป์ตัน ทองหล่อ (Grand Hampton Thonglor) 2. โซโห แบ็งคอก สุขุมวิท (Soho Bangkok Sukumvit) 3. ออริจิน เพลส ขอนแก่น (Origin Place Khonkean) และในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ 4. โซ ออริจิ้น เขาใหญ่ (So Origin Khao Yai) 5. โซ ออริจิ้น บางเทา ภูเก็ต (So Origin Bangtao Phuket) 6. ออริจิ้น เพลส ภูเก็ต (Origin Place Phuket) และ 7. ออริจิ้น เพลส หัวหิน (Origin Place Huahin)
ขณะเดียวกันโครงการแนวราบ ได้แก่ ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ทวีวัฒนา เวสต์เกต และแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญและส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทฯ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้วคิดเป็นสัดส่วน 37-40% ของเป้ายอดขายรวมทั้งปีที่ตั้งไว้ มั่นใจที่เหลืออีก ราว 60% ภายในครึ่งหลังปี 2566 นี้ไม่น่ามีปัญหา
“ครึ่งปีหลังนี้แม้สภาพตลาดยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หลากหลายปัจจัย ทั้งการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จากแผนการขยายธุรกิจทั้งเครือที่มุ่งสู่หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสเข้าถึงตลาดศักยภาพใหม่ๆ ที่ยังไม่มีคู่แข่งทางตรง บริษัทจึงจะยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้” นายพีระพงศ์ กล่าว