INET ขายสินทรัพย์เข้า “INETREIT” ระดมทุน 3.2 พันล้าน ขยายธุรกิจ
INET ขายสินทรัพย์ 30% เข้า “INETREIT” มูลค่า 2-3 พันล้านบาท คาดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1/67 นำเงินขยายธุรกิจ-ใช้คืนหนี้ พร้อมทำสัญญาเช่า INET-IDC3 เฟส 2 ระยะเวลา 30 ปี
นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.66 มีมติอนุมัติเพิ่มเติมรายละเอียดการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ในส่วนของเงื่อนไขธุรกรรมการเช่าทรัพย์สิน เพื่อการดำเนินการในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 จากทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต INETREIT
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเข้าทำธุรกรรมเช่าดำเนินงานโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนที่ 1 จาก INETREIT เป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่กองทรัสต์จดทะเบียนซื้อขายและรายการทางทะเบียนอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 กับบริษัทฯ เป็นต้นไป โดยมีมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่าตลอดอายุสัญญาเช่ารวมประมาณไม่เกิน 3,144 ล้านบาท โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ภายใต้สัญญาเช่าทรัพย์สินเพื่อการดำเนินการ อาคารโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนที่ 1
รวมทั้ง บริษัทฯ จะเข้าทำธุรกรรมเช่าดำเนินงานโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 เพิ่มเติม สำหรับวางตู้ Rack พร้อมอุปกรณ์การเชื่อมต่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ซึ่งบริษัทฯ มีสิทธิในการต่ออายุระยะเวลาการเช่าตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา โดยมีมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่าสำหรับระยะเวลาการเช่า 3 ปีแรกประมาณไม่เกิน 141 ล้านบาท โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ภายใต้สัญญาเช่าทรัพย์สินเพื่อการดำเนินการ อาคารโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนที่ 1 ซึ่งธุรกรรมเช่าดำเนินงานโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่บริษัทฯ จำหน่ายทรัพย์สินให้แก่กองทรัสต์ตามธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสที่ 1/67
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาขนาดธุรกรรมการซื้อหน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมซึ่งมีขนาดรายการไม่เกิน 550 ล้านบาท และธุรกรรมเช่าดำเนินงานโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ซึ่งเมื่อคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันจะมีมูลค่ารวมประมาณการตลอดอายุสัญญาไม่เกิน 3,285 ล้านบาท ขนาดรวมของธุรกรรมได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวเมื่อคำนวณโดยเกณฑ์เปรียบเทียบมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน จะมีขนาดรายการประมาณ 34.09%
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้บริษัทฯ ซื้อที่ดินจาก บริษัท แมนดาลา คอมมูนิเคชั่น จํากัด (ซึงเป็นบริษัทย่อยของ INET ได้แก่ ที่ดินที่ตั้งโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 รวมถึง ที่ดินอันเป็นที่ตั้งอาคารสาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการ INET-IDC3 และพื้นที่ถนนส่วนกลางของโครงการ INET-IDC3 รวมถึงดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนภาระจำยอมบนทรัพย์สินส่วนกลางของโครงการ INET-IDC3 เพื่อจำหน่ายที่ดินดังกล่าวให้แก่กองทรัสต์ ซึ่งธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้มีการเสนอขายหน่วยทรัสต์แล้ว
พร้อมทั้ง ได้อนุมัติให้จำหน่ายสินทรัพย์แก่ INETREIT โดยการขายที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ซึ่งรวมถึงตู้ Rack พร้อมอุปกรณ์การเชื่อมต่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง (Core Network) และหน่วยประมวลผลข้อมูลและหน่วยจัดเก็บข้อมูล จำนวน 246 Rack รวมถึงซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ต่างๆ อีกทั้ง ให้ขายที่ดินอันเป็นที่ตั้งอาคารสาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการ INET-IDC3 และที่ตั้งอาคารควบคุมสถานีไฟฟ้าย่อยซึ่งใช้สำหรับโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 และ 2 ให้แก่ INETREIT
ทั้งนี้ มูลค่าของทรัพย์สินที่บริษัทฯ จะจำหน่ายให้แก่ INETREIT นั้นจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท และ ไม่เกิน 3,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 28.44%
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมซึ่งมีขนาดรายการไม่เกิน 550 ล้านบาท และให้บริษัทฯ เข้าทำธุรกรรมเช่าทรัพย์สินเพื่อการดำเนินการในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 จาก INETREIT ด้วย
วัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้รับครั้งนี้ จะนำไปลงทุนในโครงการอื่นๆ เพื่อขยายธุรกิจ ชำระหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อย่างไรก็ดีวัตถุประสงค์การใช้เงินดังกล่าวเป็นแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ณ ปัจจุบัน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น
ส่วนผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับ INET คือจะได้รับเงินค่าตอบแทนจากการจำหน่ายทรัพย์สิน โดยสามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ เช่น นำเงินไปลงทุนในโครงการอื่นๆ เพื่อขยายธุรกิจชำระหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายหลังจากธุรกรรมการซื้อหน่วยทรัสต์เสร็จสมบูรณ์ บริษัทฯ จะเข้าเป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์ตามสัดส่วนการเข้าลงทุนในกองทรัสต์ ในรูปแบบของเงินปันผลจากกองทรัสต์ และเงินลดทุนจากกองทรัสต์ รวมถึงโอกาสที่จะได้รับกำไรจากส่วนเกินมูลค่าหน่วยทรัสต์ในอนาคต หากราคาของหน่วยทรัสต์ในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น