สังคมข่าวหุ้น
หากกองทุนกับนักลงทุนต่างชาติจับมือกันซื้อ หรือสลับกันซื้อไปแบบนี้ ดัชนีที่ระดับ 1,600 จุด น่าจะได้เห็นนับจากนี้ไปไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์
หากกองทุนกับนักลงทุนต่างชาติจับมือกันซื้อ หรือสลับกันซื้อไปแบบนี้ ดัชนีที่ระดับ 1,600 จุด น่าจะได้เห็นนับจากนี้ไปไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ หุ้นกลุ่มที่จะเป็นตัวดันดัชนีที่เป็นเป้าของกองทุนและฝรั่งยังอยู่ที่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว และพลังงาน ระหว่างทางอาจจะเห็นการสลับขายออกมาบ้างแหละ หากจะเข้าตามต้องรอช่วงย่อตัวหรือพักฐาน
แบงก์ทหารไทยธนชาต หรือ TTB เข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard มีผล ณ ราคาปิดวานนี้ (31 ส.ค.) และมีผลการเข้าคำนวณในวันนี้ (1 ก.ย.) มีเงินลงทุนจากกองทุนประเภท passive fund เข้าประมาณ 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3.2 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มน้ำหนัก MINT CPALL PTT DELTA เงินเข้าลงทุนต่อตัวระหว่าง 745–105 ล้านบาท ส่วน CBG COM7 ITC PSG SAWAD เข้าคำนวณกลุ่ม small cap ในระยะวันสองวันนี้อาจมีแรงขายทำกำไร แต่หากลงลึกเกินบริเวณแนวรับของแต่และตัว ถือว่าน่าเก็บ
ดอนเมืองโทลล์เวย์ หรือ DMT หุ้นพื้นฐานดีมากแต่ถูกมองข้าม เพราะนอกจากแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 จะสูงกว่าปีก่อนหน้าแล้ว การจ่ายเงินปันผลอยู่ระดับสูง อัตราผลตอบแทนถึง 9% และยังปันผลทุกไตรมาส ที่ระดับราคา 12.40-12.70 บาท ยืนได้แข็งแกร่งมาก ดูจากกราฟในเร็ว ๆ นี้มีโอกาสยกขึ้นไปที่ระดับ 13-14 บาทได้แน่นอน แต่หากใครซื้อแล้วติด อย่างน้อยยังมีเงินปันผลเป็นเบาะรองรับ
เซ็นทรัล รีเทล CRC ช่วงราคาหุ้นไปต่ำกว่า 40.00 บาท เป็นโอกาสต่อการเข้าเก็บ แต่ตอนนี้ราคาขึ้นมายืนเหนือ 40.00 บาท โอกาสที่จะลงไปอีก น่าจะยากแล้วล่ะ ส่วนแนวต้านแรก 42.25 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้ ราคาขึ้นไปถึง 44.00 บาทได้แบบชิล ๆ แน่นอน ด้านพื้นฐาน หรือแนวโน้มกำไรปี 2566 จะออกมาสูงกว่าปีก่อน สำหรับ CRC ยังเป็นเป้าของกองทุนเข้าสะสมในพอร์ต
นโยบายลดค่าไฟฟ้าทันทีของรัฐบาล “เศรษฐา 1” ส่งผลต่อเซนติเมนต์เชิงลบกับหุ้นไฟฟ้า เช่น GULF ที่ราคามาต่ำกว่า 50.00 บาทอีกครั้ง หรือมาเคลื่อนไหวที่ 48.00 บาท บวก/ลบ ส่วน GPSC ลงมาแรงด้วยเช่นกัน ระดับ 52.00–53.00 บาท และ GUNKUL ราคา 3.58–3.70 บาท ดูแล้ว ราคาลงมาแบบนี้ น่าจะพอเป็นจังหวะเข้าเก็งกำไรได้บ้าง เพราะเมื่อถึงเวลาจริง ๆ แล้ว มั่นใจว่าจะไม่ได้กระทบกับหุ้นไฟฟ้าเหล่านี้อะไรมากนัก
ไม่เขียนถึงไม่ได้สำหรับหุ้นกู้ JKN ที่ครบกำหนดจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยกว่า 600 ล้านบาทในวันที่ 1 ก.ย.นี้ เพราะล่าสุดบริษัทฯ ขอแบ่งชำระก่อน 156.6 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 443.4 ล้านบาท จะขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อเลื่อนชำระออกไปก่อน ส่วนกรอบเวลาจะให้อยู่ภายในปี 2566 นี่แหละ ซึ่ง JKN มีการออกหุ้นกู้จำนวน 7 ชุด มูลค่ารวม 3.3 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 6.6–7.25% ต่อปี ส่วนชุดที่ 2 กำหนดจ่ายดอกเบี้ย 15 พ.ย. 2566 และชุดที่สาม จ่ายดอกเบี้ยวันที่ 11 ก.ย. 2566 และชุดที่สามนี่แหละกำลังถูกจับตามากสุด ส่วนราคาหุ้นดิ่งแตะ floor เรียบร้อยก่อนจะมีแรงสู้ถูกดึงขึ้นมาเล่นกันอีกรอบ
ฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สุดปลื้ม หลัง ธ.ก.ส. เข้าร่วมตรวจประเมินตามโครงการศูนย์ราชการสะดวก (Government Easy Contact Center : GECC) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของธนาคารได้อย่างเสมอภาค เท่าเทียม และเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งในปี 2566 ธ.ก.ส. มีสาขาที่ผ่านเกณฑ์การรับรองมาตรฐาน จำนวน 98 สาขา แบ่งเป็นระดับก้าวหน้า 5 สาขา และระดับพื้นฐาน 93 สาขา