“ดาวโจนส์” พุ่งกว่า 200 จุด จ่อทะลุ 35,000 เก็งเฟดปิดฉากขึ้นดอกเบี้ยปีนี้
“ดาวโจนส์” พุ่งกว่า 200 จุด จ่อทะลุ 35,000 จุด เก็งเฟดปิดฉากขึ้นดอกเบี้ยเหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ หลังเปิดตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ใกล้ทะลุแนว 35,000 จุด โดย ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,945.57 จุด บวก 223.66 จุด หรือ 0.64% ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปิดฉากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ซึ่งระบุว่า เฟดอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 4 ก.ย. เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ ด้านนักลงทุนเทน้ำหนักมากกว่า 90% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนนี้
ล่าสุด Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 7.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75%
นอกจากนี้ Fed Watch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนพ.ย.และธ.ค.
ตลาดมองว่าอัตราการว่างงานที่พุ่งขึ้นในรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบัน แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานสูงกว่าคาด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4%
เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563
ด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เฟดอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไป
“ผมคิดว่านโยบายการเงินมีความเข้มงวดอย่างเหมาะสมแล้ว โดยเราควรใช้ความระมัดระวังและอดทน โดยปล่อยให้นโยบายที่เข้มงวดดังกล่าวยังคงมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ มิฉะนั้นเราอาจคุมเข้มนโยบายการเงินมากเกินไป และทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็น” นายบอสติกกล่าว
อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวย้ำว่า “สิ่งที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่าผมสนับสนุนให้เฟดผ่อนคลายนโยบายการเงินในไม่ช้า”