ระวังหมดตูด
ความกังวลที่มีต่อนโยบายลดค่าไฟ และลดภาระของประชาชนภายใต้การนำของ “เสี่ยนิด” กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้ “หุ้นแบงก์” และ “หุ้นพลังงาน” ได้รับผลกระทบรุนแรงอีกครั้ง
ความกังวลที่มีต่อนโยบายลดค่าไฟ และลดภาระของประชาชนภายใต้การนำของ “เสี่ยนิด” กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้ “หุ้นแบงก์” และ “หุ้นพลังงาน” ได้รับผลกระทบรุนแรงอีกครั้ง พร้อมกับเกิดเสียงร่ำลือในทำนองที่ว่า ต้องรีบขายหุ้นก่อนหมดตูดนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของอุปทานหมู่ที่ต้องดูกันต่อไปว่า แนวทางดังกล่าวจะกระทบกับกำไรของหุ้นเหล่านั้นจริงไหมเจ้าคะ
ประกอบกับการที่ดัชนีไหลลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,550 จุด ก็กลายเป็นแรงกระเพื่อมที่ทำให้ข่าวเม้าท์ดังกล่าวมีน้ำหนักมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ตลอดทั้งวันมีแรงขายออกมาเป็นระลอก จนดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,547.86 จุด ลบไป 0.82 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.28 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพที่ย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า นักเล่นกำลังเสียขวัญอย่างหนักนะตัวเอง
สาเหตุที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการเช่นนั้นมาจากความเชื่อที่ว่า หากดัชนีหลุดแนวรับดังกล่าวลงมาอีกครั้ง ดัชนีจะลงไปตั้งหลักที่บริเวณ 1,500 จุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับรอบก่อน “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่แฟนคลับส่วนใหญ่ใช้วิธีตัดขาดทุนเพียงเล็กน้อย เพื่อลงไปรอรับของที่ถูกกว่า เพราะหลังจากประเมินความเสี่ยงในการถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยพะย่ะค่ะ
สำหรับรายที่ทำให้ “โมนิก้า” ประหลาดใจอย่างแรงก็คือ CBG ซึ่งถูกเทขายออกมาอย่างหนัก (ก่อนหน้านี้มีข่าว MSCI Rebalance ยังไม่เห็นโดนหนักขนาดนี้) จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 82.50 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท ว่ากันว่า มันเป็นผลมาจากเรื่องราคาน้ำตาลพุ่งขึ้นแรง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นแบบนี้..มีโอกาสที่กำไรจะพลาดเป้า..เขาเม้าท์กันอย่างนี้เจ้าค่ะ
อีกรายที่ดูทรงแล้วไม่โสภาสถาพรอย่างแรง คงต้องมองไปที่หุ้น KAMART เป็นรายถัดมา เพราะการโดนขายต่อเนื่องเป็นวันที่สาม จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 12.70 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 224 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ทุกอย่างเดินมาถึงจุดพีก และตอนนี้กำลังเข้าสู่โหมดโรยรา จึงต้องคิดกันต่อว่า หลังจากนี้จะเละแค่ไหน?
ส่วนรายที่เละของจริง และยังเละต่อไป ทุกคนก็คงเห็นพ้องไปในทางเดียวกันว่า JKN เพราะปัญหาเรื่องหุ้นกู้มันหนักหนาสาหัส ผนวกกับเคสเบี้ยวหุ้นกู้แต่ละรายก็จบไม่สวยเสียด้วย วานนี้เลยเป็นอีกวันที่โดนถล่มขายตั้งแต่เช้ายันเย็น จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.22 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 6.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 213 ล้านบาทแบบนี้ เดี๊ยนบอกได้คำเดียวว่า อนาคตมืดมนเหลือเกินจ้า!
สำหรับรายที่ทำท่าเหมือนจะดีขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังมีคำถามตามหลังว่า กำไรจะมาไหมตลอดเวลาแบบนี้ “โมนิก้า” ค่อนข้างเห็นใจ VGI เหลือเกิน แต่เมื่อทำไม่ได้ตามคำสัญญา ก็ต้องถูกลงโทษด้วยการเทขายหุ้นทิ้ง และการที่หุ้นลงมาปิดในระดับ 2.74 บาท ลบไป 0.22 บาท หรือลงไป 7.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 218 ล้านบาท คงเกิดจากความไม่เชื่อมั่นในความสามารถของบริษัทก็ท่านั้นเอง!
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น B เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายจำนวนมากที่กดราคาหุ้นลงมาปิดในระดับ 0.06 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือลงไป 14.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ทำให้คนวงนอกแตกตื่นอย่างแรง และพาลให้ผู้คนคิดไปไกลสุดกู่ว่า มีซัมติง! ทั้งที่บริษัทก็มีความสามารถในการทำกำไร แต่เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้..เป็นใครก็ต้องคิดไม่ดี และเผ่นป่าราบกันทั้งนั้นแหละค่ะ
ตบท้ายกันที่หุ้นความหวังของหมู่บ้านอย่าง MPIC กันดีกว่า เพราะสตอรี่ที่เอามาบิ้วอารมณ์มันเกี่ยวข้องกับคอนเสิร์ตใหญ่ระดับโลก แต่ก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ฝีมือเป็นปีเหมือนกัน เดี๊ยนเลยไม่กล้าฟันธงว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.77 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 11.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26 ล้านบาท เป็นการขึ้นมารอข่าวจริงล่วงหน้า หรือเป็นการหยั่งเชิงนักเล่นบางส่วนน่ะซี